วันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

[แปลสัมภาษณ์] Lee Jongsuk interview with Marie Claire March 2015.



พินอคคิโอจบลงด้วยการประสบความสำเร็จอย่างงดงาม  ในฐานะนักแสดง  ถือว่านี้เป็นการชดเชยเรื่องอื่น ๆ
ละครประสบความสำเร็จมาก  โดยส่วนตัวแล้ว  ผมมีความสุขมากกว่านั้น  ปีที่แล้วช่วงเวลาเดียวกันนี้  เหมือนเป็นช่วงของความตกต่ำ  เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าการแสดงไม่มีอะไรน่าสนใจและเป็นเรื่องยากที่จะทำ  Doctor Stranger ก็ประสบความสำเร็จเช่นกัน  หลังจากความตั้งใจที่มากมายนั้น  ผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะความยากลำบากจากการที่จะต้องเป็นที่หนึ่งหรือเปล่า  ที่ทำให้ผมเหนื่อยมาก  ในตอนนั้นถ้าพอมีเวลาผมก็คิดว่าอยากจะพักยาว ๆ บ้าง  แต่เมื่อผมพยายามจะพักไปสักระยะหนึ่ง  ทีมIHYV ก็เริ่มทำงานชิ้นใหม่ ผมก็เลยคิดขึ้นมาได้ว่า “ถ้าพักตอนนี้ ไม่ดีแน่ ๆ “  ผมก็เลยเริ่มทำงานอีกครั้ง

ฉันคิดว่าไม่มีใครรู้เลยนะว่าอีจงซอกก็มีช่วงเวลาที่ตกต่ำ  เพราะคุณทำได้ดีมากก่อนหน้านี้  งานของคุณก็เลยออกมาเหมือนไม่มีช่วงพักเลย
เวลาที่ผมมองดูประวัติผลงานตัวเอง ดูเหมือนว่าจะมีสัก 2 งาน/ปี  ผมทำงานต่อเนื่องแบบไม่ได้หยุดเลย  นี่แหละครับที่ทำให้ผมรู้สึกเหนื่อย  มันยากมากจริง ๆ ตลอดทั้งเรื่องพินอคคิโนจนกระทั่งจบ  ผมคิดว่ามันเหมือนกับผมได้รับการเยียวยา  นี่เป็นละครที่ดีจริง ๆ

บทที่ได้รับเป็นอย่างไรบ้าง
จริง ๆ แล้วตอนที่เริ่มแรก ๆ ไม่มีอะไรเป็นที่เป็นพิเศษเลยครับ  ถึงแม้เขาจะมีประสบการณ์ที่เจ็บปวด  แต่ก็ยังไม่มีอะไรที่โดดเด่นที่จะถ่ายทอดออกมาได้เลย  นักเขียน  เขียนจากเรื่องราวปกติพื้นฐาน  ทั้งชื่อ  ทรงผมสิงโต  รองเท้ายาง  ตอนที่ผมค่อย ๆ ถ่ายทำไปเรื่อย ๆ ผมก็พบหนทางว่าผมจะแสดงออกมาได้ยังไง

มันเป็นสถานการณ์ที่น่าอายจริง ๆ เลย (หัวเราะ)
ผมเองก็ยังตลกกับเรื่องนี้เลยครับ  จริง ๆ แล้วผมคิดว่า “ผมจะทำยังไงดีนะถ้าแฟน ๆ ทิ้งผมไป” (หัวเราะ) นั่นแหละครับทำให้ผมไม่กล้ามองดูตัวเองจนกระทั่งถึงตอนที่ 4 ผมดูน่าเกลียดจริง ๆ นะ  ผมก็แค่ต้องปล่อยวางทุกอย่างแล้วทำมัน

ในช่วงอายุของคุณ คุณควรจะกังวลเกี่ยวกับการจัดการกับภาพลักษณ์ของคุณเมื่อต้องแสดง  อย่างในภาพยนตร์ Hot Young Bloods ถ้าเปรียบกับนักแสดงคนอื่นที่อายุเท่า ๆ กับคุณ  ฉันรู้สึกว่าคุณเป็นคนเดียวที่กล้าทำแบบนี้

เวลาที่คนอื่นทำแบบนี้  ผมคิดว่าพวกเขามีเสน่ห์มากนะ  อย่างโบยองนูน่าที่แสดงใน IHYV มีคนมากมายที่รักเธอเพราะการแสดงแบบนั้น  เวลาที่คนที่สวย ๆ ทำอะไรที่เหมือนกับการทำลายภาพลักษณ์สวยงามของตัวเอง  ผมรู้สึกว่านั่นเป็นเสน่ห์นะ พัฒนาการของผมดีขึ้นกว่าที่ผมคิดว่าผมจะทำได้  ในอนาคตข้างหน้าที่ผมวางแผนไว้  ผมจะทำมันไปแบบนี้ค่อย ๆ ก้าวไปหาเป้าหมายของผมทีละก้าวทีละก้าว  แต่ถึงอย่างไร IHYV ก็ทำได้ดีจริง ๆ เป็นสิ่งที่ดีและเป็นสิ่งที่ต้องขอบคุณจริง ๆ ครับ แต่ในทางกลับกันผมก็คิดว่าฟองสบู่นี้จะหายไปโดยเร็วสักที  หลังจาก IHYV จบลงผมต้องทำงานอย่างอื่น  มันเป็นภาระที่หนักหนาจริง ๆ ครับ ผมก็แค่อยากจะแสดงเท่านั้นเอง ตอนที่ผมทำ Hot Young Blood ทุกคนคัดค้านหมดเลย  แต่บทบาทก็น่าสนใจจริง ๆ เรื่องของการแสดงคือ คนหนึ่งคนจะแสดงอย่างไรให้แตกต่างกันไปในแต่ละงานแต่ละบทบาทที่แสดงโดยอีจงซอกไม่ใช่เหรอครับ?  มันก็เหมือนกับที่คนอื่นคิด มันมีเรื่องของพื้นเพอย่างช่วงยุคสมัย  วิธีการพูด  สำเนียง ผมเลยคิดว่าผู้ชมน่าจะได้มีโอกาสเห็นความเปลี่ยนแปลงของผมอย่างช้า ๆ จนถึงตอนนี้  เมื่อผมมองย้อนกลับไป  ผมคิดว่าผมทำได้ดีนะ







ตอนที่คุณได้รับความสนใจจาก Secret Garden  ฉันคิดว่าคุณจะรับบทที่คล้าย ๆ กันแล้วค่อย ๆ เปลี่ยนไปทีละนิดทีละหน่อย หรืออาจจะใช้เวลาอย่างน้อยมากกว่า 2-3 ปี  แต่ตอนนี้อีจงซอกทิ้งบทบาทที่ทำให้เขามีชื่อเสียงไปแล้ว
นั่นแหละครับที่ผู้กำกับพูดกับผมหลังจากที่ผมแสดงในพินอคคิโอ  บทที่ผมรับมีอย่างหนึ่งที่คล้ายกัน  ไม่มีบทบาทไหนที่พ่อหรือแม่ของพวกเขามีชีวิตอยู่เลย  พวกเขามีปม  มีความเจ็บปวดในแต่ละบทบาท  ผู้กำกับบอกว่า “นายจะต้องมีช่วงเวลาที่สบาย ๆ ได้แสดงบททายาทเศรษฐีแบบที่นักแสดงคนอื่นแสดงบ่อย ๆ “  สำหรับบทบาทที่มีเรื่องราวเบื้องหลังซับซ้อนที่มีมากขึ้นตามจำนวนตอนที่เพิ่มขึ้น  จะทำให้น่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ผมนึกภาพตามได้ดี  แม้พวกเขา(บทที่ได้รับ)จะยากมากขึ้น ผมก็จะทำความรู้จักกับพวกเขาให้มากขึ้น

คุณชอบที่จะเลือกบทที่คนอื่นคิดว่ายาก  แล้วก็ไม่เคยพักเลย  แบบนี้รู้สึกอ่อนเพลียหรือเหนื่อยสะสมบ้างหรือเปล่า?
ก่อนและหลัง Dr. Stranger  ก็ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นแหละครับ  การมีชีวิตชีวานี่มันยากจริง ๆ อย่างวันนี้แม้จะไม่ได้ทำอะไรเลย  ผมก็ยังรู้สึกเหนื่อยจริง ๆ เป็นอะไรที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก  ตอนที่ถ่ายทำพินอคคิโอผมจะรู้สึกสดชื่นหลังจากที่ได้หลับพักช่วงสั้น ๆ ผมคิดว่ามันเป็นเพราะปัญหาอะไรบางอย่างที่อยู่ในใจผม  ถึงแม้ผมจะรู้ว่ามันยากมากแต่ผมกลับไม่รู้สึกเป็นทุกข์เลย  ผมก็แค่ปล่อยไปตามสบาย  ทำตามบท  ทำตามผู้กำกับ  แล้วก็ผ่านช่วงนั้นมาแบบนั้นแหละครับ  ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร  อาจเป็นเพราะเป็นคนที่ผมไว้ใจใกล้ชิด  ผมก็เลยทำแบบนั้นได้  ผู้กำกับโจซูวอน  นักเขียนพัคฮเยรยอน  เป็นคนที่ผมไว้วางใจ 100%  ความเป็นผู้นำของทั้งสองคนนั้นเยี่ยมยอดมาก ๆ ผมทำงานนี้เพราะพวกเขามากกว่าที่จะเป็นเพราะบท  ไม่ใช่ว่าไม่มีเรื่องราวที่เกี่ยวกับนักข่าวแบบนี้  แต่เกือบทั้งหมดแทบจะไม่ประสบความสำเร็จ  แม้จะรู้แบบนี้แต่ผมก็ยังทำเพราะว่ามันทำให้ผมได้ทำงานกับพวกเขา

คุณให้น้ำหนักกับละครและภาพยนตร์พอ ๆ กัน
ถึงแม้จะไม่ใช่แบบนั้น  แต่หลังจาก Dr. Stranger ผมต้องแสดงภาพยนตร์  และผมก็ยังคิดถึงเรื่องนั้นจนกระทั่งมาแสดงพินอคคิโอ  ผมคิดว่าผมได้เรียนรู้จากละครมากกว่า  ในละครผมคิดว่าผมเป็นที่รู้จักในระดับหนึ่ง  แต่ในภาพยนตร์ใครรู้จักผมบ้างล่ะครับ  ในความจริงแล้ว  ไม่ว่าจะละครหรือภาพยนตร์  ผมก็ยังไม่เป็นที่รู้จัก  เวลาที่มีคนเจอผม  เขาจะจำผมได้ในฐานะคนดังไหม หรือจะจำผมได้ในฐานะนักแสดง  พอคิดแบบนี้ก็รู้สึกอายครับ  ผมคิดว่าคนมีคนไม่มากหรอกที่จำผมได้ในฐานะนักแสดง



นักแสดงที่รับบทนำในภาพยนตร์ หากเปรียบเทียบแล้วพวกเขามักจะมีอายุมากกว่าและยังเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์  รู้สึกแบบนั้นกับตัวเองบ้างไหม
 เมื่อนักแสดง A กับนักแสดง B ถูกเปรียบเทียบในเวลาเดียวกัน  จะไม่ใช่แค่บทบาทที่พวกเขาแสดงออกในงาน  มันจะตามมาด้วยการประเมินว่านักแสดงคนไหนแสดงภาพยนตร์อินดี้มาอย่างต่อเนื่องในขณะที่ก็ทำภาพยนตร์แบบเชิงพาณิชย์ประสบความสำเร็จไปด้วย  มันแตกต่างจากคนที่ทำได้ดีกับผลงานทางทีวี

เหมือนกับที่นักแสดงที่มีชื่อเสียงหรือไอดอลไปแสดงมิวสิคัลใช่ไหม
นั่นมันเศร้าหน่อย ๆ นะครับ  ผมก็อยากแสดงภาพยนตร์นะ  แต่ไม่อยากจะเป็นนักแสดงนำแบบครึ่ง ๆ กลาง  ก่อนหน้าที่ผมจะเดบิวต์  ผมคิดว่าคงไม่มีใครจำผมได้ในฐานะนักแสดงจนกว่าจะอายุ 30  ผมควรจะรีบ  ผมพูดเรื่องนี้ในสัมภาษณ์ด้วยนะ  ผมทำงานที่แตกต่างกันแบบไม่หยุดเลย  ถ้าทำได้ไม่ดีก็จะรู้สึกอาย  ผมต้องทำให้ดี  ผมทำได้แค่ทำให้ดีเท่านั้น  แต่พินอคคิโอกลับง่ายกว่าเพราะผมไม่ต้องบีบตัวเองแบบนั้น  ผมก็แค่ทำมัน  กองถ่ายก็ดี ทีมงานก็ดี  จนตอนนี้ผมก็ชอบละครมากกว่า  แม้ว่ามันจะเหนื่อยมากจนจะตายให้ได้  ในช่วงหลัง ๆ ผมแทบไม่ได้นอนมากกว่า 2 ชั่วโมงเลยเพราะต้องถ่ายทำ  มีบางครั้งที่ทิศทางเปลี่ยนไปจากที่เริ่มไว้ในตอนแรก  มันดีมากครับ  ยิ่งผ่านไปหลายตอน  ความรู้สึกเข้าถึงก็ยิ่งแน่นหนามากขึ้น  สิ่งนี้แสดงให้เห็นได้เลย  เวลาที่มีอะไรที่อยากทำมาก ๆ อ่า... จะเหมือนร่างกายถูกแผดเผาไปเลยครับถ้าเราสนใจอะไรสักอย่าง






ในทุก ๆ งานที่ทำ บทบาทที่ได้รับเหมือนกับตัวของอีจงซอก
มันกำลังจะเป็นแบบนั้นครับ มีคนที่แสดงได้เป็นธรรมชาติ  แต่ก็ยังดูเหมือนแสดงอยู่  อย่างเวลาที่ผมพูด ผมไม่มีความแข็งแรงเลย  ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น  แต่ในละครผมต้องพยายามให้ดีที่สุดที่จะเปล่งเสียงและอ่านบท  ใน 60 ฉาก  ถ้าผมมุ่งมั่นตั้งใจสัก 2 ฉาก  ผมก็จะทำให้ฉากอื่น ๆ ผ่านไปด้วย  ผมแค่ต้องกระตือรือร้นกับการแสดงของคนอื่น ๆ ผมใช้ความคิดที่ว่า “เลือกแล้วกิน”  ซึ่งหมายความว่า  ผมสามารถเลือกที่จะทำได้ดีใน 2 ฉากจากทั้งหมด  แต่ต้องไม่มากไปกว่านั้น  นั่นคือช่วงเวลาที่การแสดงของผมจะมีคุณค่ามากพอ  เวลาที่ผมมองย้อนกลับไป  ผมมักจะแปลกใจว่าทำไมผมถึงได้พูดบทที่มันดูพื้น ๆ แบบนั้นไปนะ  ผมสามารถทำได้ดีสุดๆ กับสองฉากที่ผมทำได้ในตอนนั้นเท่านั้นแหละครับ

พูดอะไรพื้นๆ? แทนที่จะพูดแบบนั้น  น่าจะเรียกได้ว่าเป็นการแสดงที่ผ่อนคลายนะ  สำหรับนักแสดงรุ่นเดียวกับคุณ  เรื่องที่ยากที่สุดคือการผ่อนคลายขณะแสดงนะ
ผมต้องตั้งใจอย่างหนักเลยล่ะครับเพื่อที่จะทำมัน

ฉันได้ยินมาว่าคุณไปเข้าชั้นเรียนการแสดงกับนักแสดงหน้าใหม่ด้วย  จริงอยู่ที่นักแสดงต้องเข้าชั้นเรียนการแสดง   แต่อย่างไรก็ตาม  ฉันไม่เคยได้ยินว่ามีคนอื่นทำแบบนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนักแสดงหน้าใหม่
ตอนที่ทำแบบนั้น  ผมคิดว่าผมพัฒนาขึ้นเยอะเลย  มันไม่น่าสนใจเลยตอนที่ผมทำด้วยตัวเอง  อาจารย์ให้บทพูดผม  แล้วก็ได้คำแนะนำมาจากอาจารย์ในชั้นเรียนกับนักแสดงคนอื่น ๆ ตอนที่ผมเห็นนักแสดงคนอื่นแสดงออก  วิธีที่พวกเขาพูดมันทำให้ผมได้เรียนรู้  ถ้ามีใครทำไม่ดีผมก็ได้เรียนรู้ว่าอย่าทำแบบนั้น  เป็นครั้งแรกที่ได้เรียนกับนักแสดงหน้าใหม่  พวกเขาได้ยินว่าจะมีนักแสดงมาร่วมเรียนด้วย  แล้วก็แบบพากันมาดูว่าผมจะทำได้ดีแค่ไหน นั่นมันเจ็บปวดจนอยากจะตายให้ได้เลยล่ะ

จงซอกดูเหมือนจะเป็นเป็นคนกล้า ๆ นะ
ผมไม่กล้าเลยครับ  ผมเป็นคนเก็บตัวมาก ๆ มันมหัศจรรย์มากเลยที่ผมแสดงได้  ผมไม่มีอะไรที่สนุกสนานในชีวิตเลย  ไม่มีอะไรที่สนใจ ความทะเยอะทะยานนี่นับว่าเป็นเรื่องยากสำหรับผมเลยที่จะทำอะไรสักอย่าง  อย่างเดียวที่ผมทำตอนแสดง ตอนที่ดูงานของผมหลังจากนั้นคือมันทำให้ผมรู้สึกดี  เมื่อแสดงทำให้ผมรู้ว่าผมต้องไปเรียนว่ายน้ำทั้งที่ผมเกลียดที่จะทำ  เมื่อผมต้องแสดงต่อไป  มันก็เลยเป็นเรื่องดีที่ทำให้ผมได้เรียนรู้บางสิ่งบางอย่าง



สำหรับคนที่ไม่รู้เลยว่าต้องการทำอะไร  ไม่ใช่เรื่องยากที่จะแสดงหรือ?  เมื่อคุณจุ่มเท้าลงไปในน้ำของอุตสาหกรรมบันเทิง  มันก็มีปัญหาอื่นตามมาด้วย  แล้วทำไมยังอยากแสดงอยู่อีก?
ผมยังเจอกับอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกด้วยครับ  ผมชอบเวลาที่ได้แสดง  อุตสาหกรรมบันเทิงเป็นเรื่องที่แตกต่างจริง ๆ ความจริงคือผมอยากจะรับงานโฆษณาที่ได้เงินเยอะ ๆ ยกตัวอย่างเช่น  ผมจำต้องส่งข้อความอวยพร  แล้วก็เพราะอะไรแบบนั้นแหละครับ  มันเป็นเรื่องน่าสนใจที่จะพูดแต่เรื่องของตัวเองเวลาสัมภาษณ์แต่ก็ยังมีข้อแม้อย่างอื่นอีก  ผมถึงรู้ว่ามันยากมาก  แต่ก็ไม่มีทางอื่น  มันเป็นอะไรที่ผมต้องทำ  ผมก็เลยทำ  แต่ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้วล่ะ  นานมาแล้วที่ผมชอบดูทีวี  ตอนที่เรียนมัธยมเข่าผมเจ็บและเอ็นฉีก  ผมจำต้องนอนอยู่บ้าน 6 เดือน  แล้วผมก็ดูทีวีไม่หยุดเลย  ละครเรื่อง Full House ที่เรนแสดงก็ออกอากาศ  เขาเจ๋งมาก ๆ ผมไม่ได้อยากแค่จะแสดงแต่ผมอยากเป็นแบบเรนและนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของผม  ไม่ว่าจะไปไหน  ผมเกลียดที่จะต้องอับอาย  เพื่อที่จะทำให้ดีผมต้องตั้งใจทำงานหนักมาก  พอละครออกอากาศ  ผมจะดูละครในมุมมองของผู้ชม  มองอย่างเป็นกลาง  ผู้ชมมองการแสดงของผมเป็นอย่างไรบางนะ  ผมคิดอยู่บ่อย ๆ ว่าทำยังไงจะแสดงได้อย่างนั้นบ้าง  และมันก็ออกจะน่าอาย  ผมต้องทำให้ดี ผมต้องทำให้ดี เมื่อผมทำบ่อย ๆ ก็เลยรู้ว่ามันเหนื่อย...





คุณคิดว่านี่เป็นสิ่งคุ้มค่าพอกับการที่เลือกการแสดงเป็นอาชีพหรือเปล่า

ผมยังไม่มีความคิดเรื่องนี้เลยครับ  ที่มันแปลกก็คือ  ผมเริ่มที่จะผ่อนคลายแล้วก็รู้สึกมั่นใจมากขึ้น ๆ เวลาที่อยู่ในกองถ่าย  แล้วที่นอกเหนือไปจากนั้นผมก็รู้สึกเหนื่อยมากขึ้นด้วย  ผมได้ทำความเข้าใจทีละเล็กทีละน้อยว่าทำไมรุ่นพี่ถึงได้พูดว่าการแสดงเป็นอะไรยากขึ้นเรื่อย ๆ ตราบเท่าที่เรายังทำมันอยู่

 

แล้วยังไงเหรอ? นี่คุณยังมุ่งมั่นที่จะทำให้มันยากขึ้นอีกใช่ไหม?

อย่างที่เคยบอก  ผมอยากจะทำให้ดีขึ้นอยู่ตลอดแหละครับ  แม้แต่จุดเล็กจุดน้อยในบทสนทนา  ผมก็อยากจะทำให้เสียงผมเปลี่ยนไปแต่ก็ทำไม่ได้แบบนั้น  แล้วก็เหมือนผมไม่สุขกายสบายใจเพราะเรื่องนั้น  มีบางตอนที่ผมจำเป็นต้องตะโกนเสียงดัง ๆ แต่ผมก็ทำไม่ได้  ก็เลยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพูดออกไปในโทนเสียงที่ต่ำลง  เพราะไม่รู้ว่าจะทำยังไง  ผมก็เลยต้องแสดงไปแบบนั้น  มีเหตุการณ์แบบนี้หลายครั้งเลยที่ทำให้ผมต้องรู้สึกประหม่า

 

ฉันขอโทษที่พูดเรื่องนี้  แต่ตอนแรกที่เห็นอีจงซอกในทีวี  ฉันคิดว่าคุณไม่น่าจะแสดงได้

ทุกคนก็คิดแบบนั้นแหละครับ (ยิ้มมมมมม)

 

เสียงของคุณไม่เหมือนกับนักแสดงชายทั่วไป  และใบหน้าของคุณก็ไม่ได้ดูแข็งแกร่ง  แต่คนก็ยังพูดว่าอีจงซอกแสดงได้ดี  ไม่มีนักแสดงคนไหนเหมือนอีจงซอกเลย

แม้แต่ในมุมมองของผมเอง  ผมก็ไม่ใช่คนที่จะถ่ายทอดความคิดที่แข็งแกร่งได้  หน้าของผมไม่เหมาะกับอายุของผม  ไม่ใช่ใบหน้าที่จะดูดีอยู่ได้หากมีริ้วรอย  ตอนนี้หน้าก็ยังเนียนอยู่ครับมันก็เลยโอเค  แต่ถ้าผมแสดงไม่ดี  ก็คงไม่มีอนาคตอะไรในอาชีพนี้เลยล่ะ  มันก็เลยทำให้ผมอยากแสดงในหนังแบบที่แมน ๆ ลูกผู้ชายน่ะครับ  แต่ผมก็รู้นะว่าผมจะทำได้ดีและเหมาะกับเมโลดราม่าหรือแบบโรแมนติกมากกว่า  ตอนนี้ผมก็เลยแสดงในสิ่งที่ผมทำได้  แล้วก็มองดูว่าอีกไกลแค่ไหนที่ผมจะเปลี่ยนแปลงไปบนเส้นทางสายนี้  นี่แหละครับคือสิ่งที่ผมเป็นในตอนนี้

 

แล้วคนแบบไหนล่ะที่คุณชอบ

ผมไม่ได้เรื่องเลยในเรื่องการรักษาความสัมพันธ์  ผมมีโทรศัพท์มือถือสองเครื่องแต่มันก็ไม่ค่อยดังเลย  ช่วงที่มีคนติดต่อเยอะ ๆ จะเป็นช่วงที่มีงาน  ผมไม่เคยเริ่มต้นติดต่อใครก่อนเลย  ผมทำแค่เสิร์ชแล้วก็อ่านข่าวพวกเขา  ผมชอบรุ่นพี่คิมซางจุงมาก ๆ (นักแสดงที่รับบทเป็นพ่อของพัคฮุน)  แล้วก็รุ่นพี่ยูจุนซาง  ผมเคารพทั้งสองคน  แล้วก็มีพวกเขาเป็นต้นแบบ  รักทั้งสองคนเลยครับแต่ไม่เคยติดต่อไปหาพวกเขาก่อนเลย  ผมจะดูตารางงานพวกเขาอยู่ห่าง ๆ ผมก็ชอบโปรดิวเซอร์โจซูวอนกับนักเขียนพัคฮเยรยอนด้วยนะ  แต่ก็ไม่เคยติดต่อพวกเขาเลย  บางทีก็คิดว่าพวกเขาอาจจะทำงานอยู่นะ  หรือทานอาหารค่ำอยู่  ก็เลยไม่โทรไป  ผมชอบที่จะซ่อนตัวอยู่ที่บ้าน  แล้วก็ดูอะไรที่ทำให้ผมมีความสุขครับ

 

ชีวิตประจำวันของคุณเหมือนกับนักแสดงหญิงมากเลยนะ

(หัวเราะ)  ผมอยากไปเที่ยวที่นั่นที่นี่  ผมจะออกกำลังกายก็ต่อเมื่อต้องการฟิตร่างกาย  ไม่ได้ทำมันเป็นกิจวัตรประจำวัน  ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการดูทีวีที่บ้านอีกแล้ว  ผมรักโลกในทีวี  เวลาที่ล้มตัวลงนอน  ผมมักจะจบลงด้วยการคิดถึงอะไรแบบนี้  คิดถึงแม้กระทั่งว่าผมจะลืมพวกเขาไหมนะ  ในดราก้อนบอล Z มีห้องหนึ่งที่เรียกว่า ‘Hyperbolic Time Chamber’ ที่ซึ่งไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่  คุณก็จะยังอยู่ในนั้นได้  ผมเป็นคนแบบนั้นแหละครับ  มีบางครั้งที่ผมล้มตัวลงนอนแล้วก็ปล่อยเวลาว่างเปล่าสามชั่วโมงให้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ตั้งแต่ผมเริ่มแสดง  ผมก็ไม่มีเวลาว่างเลย  มันเป็นแหล่งเก็บพลังงานของผมครับ  ผมทำแบบนั้นก็เพื่อที่จะได้แข็งแรงพอที่จะทำงาน  ตอนนี้ผมต้องยอมให้ตัวเองได้พักแล้วล่ะแม้จะในเวลางานก็ตาม  ในปีนี้ผมอยากจะมีหนทางที่ทำให้ตัวเองมีความสุข  “ตอนนี้ ผมจะพัก”  นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมีความคิดแบบนี้

 

คุณเคร่งครัดกับตัวเองมากจริง ๆ

ผมมักจะเป็นคนแรกที่ชี้ให้เห็นข้อบกพร่องของตัวเองอยู่เสมอ  ระหว่างสัมภาษณ์ผมมักจะพูดขึ้นมาเองก่อนที่จะถูกถาม  ถ้าผมพยายามจะปิดบังมันไว้แล้วคนอื่นไปเจอด้วยตัวเอง  มันจะยิ่งน่าอายมาก  มันน่าอายมากจริง ๆ ที่ได้ยินเรื่องของบกพร่องของตัวเองจากปากคนอื่น

 

เรากลับไปคุยเรื่องความตกต่ำของคุณกันเถอะ  คุณบอกว่าละครเรื่องล่าสุดเป็นเหมือนช่วงเวลาพักผ่อนของคุณ  แล้วคุณไม่กลัวอันตรายที่เกิดจากการทำงานเกินตัวหรือ?

ผมไม่ใช่นักแสดงที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง  คุณอาจจะพูดได้ว่าผมพัฒนาเร็วมากในขณะที่ทำงานมากมายหลายอย่าง  แต่ผมไม่ใช่นักแสดงที่เริ่มจากการรับบทเล็ก ๆ แล้วเรียนรู้จากคนอื่นผ่านภาพยนตร์อินดี้หรือมิวสิคัล  คนพวกนั้นมีพื้นฐานที่แน่นมาก  เพราะแบบนั้น  บางครั้งผมก็รู้สึกเหมือนจะตายเวลาที่ต้องเติมเต็มให้ตัวเองเพื่อที่จะได้เดินต่อไป  มีบางครั้งที่ผมรู้สึกว่าพลังงานของผมถูกใช้ไปอย่างเต็มที่แล้ว  นั่นแหละครับเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมเมื่อปีก่อน  ผมรู้สึกเหมือนว่าไม่มีอะไรเลยที่ผมจะทำได้อีก

ถึงตอนนี้ผมเข้าใจตัวเองดีขึ้น  ในตอนแรก  ถ้าต้องร้องไห้  ผมจะต้องฟังเพลงในตอนเช้าก่อน  แต่ตอนนี้ผมสามารถร้องไห้ได้เมื่อต้องการ  ผมรู้สึกว่าน่าจะมีอะไรที่ดีกว่านี้  แต่ตอนนี้การร้องไห้ก็ยอดเยี่ยมที่สุดแหละครับถ้าเราจะแสดงให้เห็นถึงความเสียใจ  ผมอยากจะพัฒนาเรื่องการแสดงเวลาที่ผิดหวังครับ

 

แล้ว “การแสดงที่ดี” ต่อจากนี้ไปคืออะไร?

ผมก็ไม่มั่นใจกับตัวเองนะแต่มีสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับผมคือการเป็นนักร้อง  นักร้องที่แสดงออกทางอารมณ์  นักร้องที่ร้องเพลงไปคีย์สูง ๆ เวลาที่ดูการประกวดร้องเพลง  นักร้องที่ร้องเพลงสูง ๆ ได้มักจะเป็นคนที่ชนะตลอดเลย
 
ตอนที่แสดง  การแสดงที่ดีควรเป็นแบบไหนนะ?  คือความสามารถในการแสดงออกทางอารมณ์พร้อมกับไหวพริบ  หรือการแสดงอารมณ์พร้อมกับรายละเอียดที่ซับซ้อนลึกซึ้งนะ?  ผมรู้สึกว่านี่มันยากมากที่จะแสดงออกให้เห็นเวลาที่ต้องอดทนอดกลั้นอารมณ์  ผมก็ไม่รู้ว่าอะไรกันแน่  ผมก็ยังไม่เจอว่ามาตรฐานการแสดงที่ดีคืออะไร  มันเป็นสิ่งที่ผมต้องมองหาสินะ





Thai trans: @Bua2be
Pic: LJS DC
ติดตามข่าวสารงานแปลเพิ่มเติมได้ที่ http://89linewoobin.blogspot.com/

Please Take Out With Full Cred.