วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2557

[Thai trans] Lee Jongsuk Talks About Love.



เมื่อพูดเรื่องออกเดทกับอีจงซอกหูของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดง  เมื่อพูดเรื่องข่าวลือที่ว่าเขาเดทกับพัคซียองนักแสดงสาวที่แสดงร่วมกับเขาใน School 2013 เขาก็แทบจะสำลักอาหารออกมาด้วยความอาย
เขายังมีเรื่องราวความรักที่เกี่ยวข้องกับจุนโซมินซึ่งต่อมาเขาก็ปฏิเสธข่าวนี้  และความสัมพันธ์แบบโบรแมนซ์กับนักแสดงที่แสดงร่วมกับเขาอย่างคิมอูบิน  ซึ่งทำให้เขาถึงกับต้องหัวเราะออกมา  ในวัย 26 ปี  เขาตัดสินใจที่จะเผชิญหน้ากับเรื่องนี้  แม้จะเขินอายแต่เขาก็ยอมรับว่าเขาพร้อมที่จะมีความสัมพันธ์กับใครสักคนแล้ว
 “ถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะยังไม่ได้เดท  แต่บางครั้งผมก็ได้พบกับผู้หญิงที่ผมคิดว่าเธอใช่สำหรับผม”  อีจงซอกยังกล่าวอีกว่า  “แต่มันก็เป็นเพียงรักข้างเดียว  ผมมีประสบการณ์รักข้างเดียวที่ค่อนข้างเศร้า  และผมก็ยังจดจำได้ดี  รักข้างเดียวมันเศร้าจริง ๆ ครับ”
เขาอยากจะมีใครสักคนสักคนที่เขาชอบเธอและเธอก็ชอบเขาเช่นเดียวกัน  แต่คนนั้นก็ต้องเป็นคนที่ทำให้จอมขโขมยหัวใจของนูน่าคนนี้รู้สึกชื่นชม
 “ผมต้องการผู้หญิงที่ดีกว่าตัวผม”  เขากล่าว  “ผมจะหลงใหลไปกับผู้หญิงที่สามารถทำให้ผมชื่นชมได้  ผู้หญิงคนนั้นจะต้องทำให้ผมยอมแพ้แล้วเอาหัวใจของผมไปได้”
ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ฟังดูเหมือนเรื่องราวโรแมนติกใน “I Hear Your Voice” ละครเรื่องล่าสุดของเขา บทบาทของเขาคือพัคซูฮาที่ชอบคนที่อายุมากกว่าอย่างจางฮเยซังที่แสดงโดยอีโบยอง
แต่ถ้าหากเขามีความสัมพันธ์ในแบบนั้น  เขาบอกว่าเขาจะไม่เปิดเผยเรื่องความสัมพันธ์สู่สาธารณชน  อย่างที่อีโบยองและคิมอูบินทำ
เมื่อสองสามเดือนก่อนหน้านี้  คิมอูบินได้สารภาพว่าเขากำลังเดทกับนางแบบยูจิอันมาเป็นเวลาสองปีแล้ว  อีโบยองได้เปิดเผยเรื่องจิซังแฟนหนุ่มของเธอที่ต่อมาได้แต่งงานกับเธอ
 “จะไม่ดีกว่าเหรอครับที่จะเปิดเผยเรื่องแบบนี้ก่อนที่จะถูกถ่ายรูปได้”  เขายังกล่าวอีกว่า  “ผมรู้ว่าไม่มีใครทำอะไรแบบนั้น  แต่ที่ผมรู้สึกแบบนี้อาจจะเป็นเพราะว่าผมไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์แบบนี้โดยตรง  รุ่นพี่หลายคนบอกผมว่าไม่ควรจะเปิดเผย  พวกเขาต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่าง  แล้วผมก็คิดว่ามันน่าจะโอเคที่จะลองดูสักครั้ง”
ผู้หญิงแบบไหนที่คุณมองหา?
“ผมชอบผู้หญิงที่ให้กำลังใจผมและสนใจฟังสิ่งที่ผมกังวล”  นักแสดงจาก "Hot Blooded Youth." กล่าว
เขาเคยพูดว่าอีนายองเป็นสเปคของเขา  แต่หลังจากที่เธอเปิดเผยความสัมพันธ์ของเธอกับวอนบิน  เขาก็อาจจะเปลี่ยนเป้าหมายใหม่  คงจะมีแฟน ๆ ของเขามากมายที่อยากจะเดทกับเขาแบบเปิดเผย



Source: KDramaStars.com
Thai trans : @Bua2be
ติดตามข่าวสารงานแปลเพิ่มเติมได้ที่ http://89linewoobin.blogspot.com/
Please Take Out With Full Credit.

วันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2557

[Thai trans interview] [1st Look Vol.59] Kim Woobin – Man of The Year



นี่ออกจะเกินคาด...  หากไม่มีเสียงเพลงที่กึกก้อง  การถ่ายแบบของคิมอูบินก็ช่างเงียบสงบ  ระหว่างที่การถ่ายแบบดำเนินไป  เขาจะเช็คตัวเองผ่านทางหน้าจอคอมพิวเตอร์ทีละภาพ  โดยไม่พูดอะไรเลย  แล้วก็พาตัวเองกลับไปอยู่ที่หน้ากล้องและเริ่มโพสท่าให้ได้องศาที่เขาต้องการ  หันหน้าให้อยู่ในทิศทางที่เหมาะสมและแสดงสีหน้าที่เหมาะกับท่าทาง  ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ถูกถาม “รู้สึกยังไงบ้าง / คุณคิดว่ายังไง”  เขาก็จะยิ้มกว้างพร้อมคำตอบ “ดีครับ”  เขามีเสียงทุ้ม  ดวงตาแดงกล่ำ  วันที่ฉันพบกับคิมอูบินคือหลังจากเสร็จสิ้นการถ่าย The Heirs เป็นวันเดียวกับฉากงานปารตี้  ด้วยเหตุนี้  เขาดูเหนื่อยล้าจากการถ่ายทำจนถึงเช้า  การถ่ายแบบของ 1st Look เริ่มตอนบ่ายสอง  เป็นงานที่สามของเขาในวันนี้  แน่นอนว่าเขาซ่อนความอ่อนล้าเอาไว้  แต่เมื่ออยู่เพียงลำพังสีหน้าของเขาจะไร้อารมณ์  แต่ทันทีที่ได้พบปะกับผู้คนเขาจะยิ้มทันที  ที่นี่ไม่มีเด็กเกเร  มีเพียงชายหนุ่มแสนสุภาพ  กระตือรือร้น  อบอุ่น  และนี่คือสุภาพบุรุษคิมอูบิน
นี่ออกจะผิดคาดไปสักหน่อย  ฉันคิดว่าคุณจะเป็นคนประเภทที่ชอบเข้าสังคม  แต่คุณกลับเป็นคนที่เงียบมาก
ผมเคยเป็นคนเงียบ ๆ และชอบเก็บตัว  แต่การแสดงก็ทำให้ผมเปลี่ยนไป  ผมเองก็ยังแปลกใจเลยครับ  ผมเป็นคนเงียบ  แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องร่าเริงหรือจำเป็นจะต้องสดใสผมก็จะกลายเป็นคนที่ชอบเข้าสังคม  อย่างเช่นเวลาที่อยู่กับเพื่อนสนิท  ผมก็จะสนุกสนานมากขึ้น  แต่วันนี้ผมรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อยครับ  ก็เลยทำให้ผมเงียบไปบ้าง  เพราะเมื่อวานนี้ต้องถ่ายทำตอนจบของละครทำให้ผมแทบจะไม่ได้นอนเลย  ผมรู้สึกไม่ค่อยดีนิด ๆ น่ะครับ
ฉันคิดว่า “The Heirs” เป็นจุดเปลี่ยน  ละครเรื่องนี้เปลี่ยนชีวิตคุณ  เปรียบเทียบกับละครที่คุณแสดงก่อนหน้านี้  คุณรู้สึกอย่างไรหลังจากการถ่ายทำเสร็จสิ้น  รู้สึกแตกต่างกันไหม
ตอนที่ School 2013 จบ  ผมได้รับกำลังใจมากมาย  แต่ตอนนี้มีคนสนับสนุนและสนใจผมมากขึ้น  บทบาทของชเวยองโดคือวายร้าย  แต่ทุกคนก็ยังรักเขา  ผมต้องขอบคุณสำหรับสิ่งนี้  และสิ่งที่มาพร้อมกันก็คือความกดดันที่มากขึ้น  ผมมีรุ่นพี่คอยให้กำลังใจ  รุ่นพี่ลิมชางจองถามเบอร์โทรศัพท์ของผมจากรุ่นพี่คิมซูโรแล้วก็โทรมาหาผม  เขาบอกผมว่า “นายทำได้เยี่ยมมาก  แม้ว่ามันจะยาวนานแต่ก็จงเข็มแข็งไว้”  มีหลายต่อหลายครั้งที่ผมอ่อนหล้า  นี่เป็นสิ่งที่ทำให้ผมเข็มแข็ง
การถ่ายทำละครทำให้คุณเหนื่อยใช่ไหม
ก่อนหน้านี้ผมเป็นน้องเล็กในกองถ่าย  ทำให้ได้รับแรงกดดันค่อนข้างน้อย  แต่ตอนนี้  มีนักแสดงที่อายุน้อยกว่าผมตั้งหลายคน  ผมก็เลยคิดว่าผมต้องเป็นตัวอย่างแก่รุ่นน้อง  ผมอยากจะให้น้อง ๆ ได้รับทุกอย่างเหมือนที่ผมเคยได้รับจากรุ่นพี่ที่ผมทำงานด้วยก่อนหน้านี้  และนั่นก็เป็นสิ่งที่ผมรู้สึกขอบคุณด้วย  ตอนที่คุณเป็นนักแสดงอายุน้อยที่ต้องร่วมซีนกับรุ่นพี่  คุณก็จะกังวล  มันยุ่งยากซับซ้อนมากแล้วก็รู้สึกไม่สบายใจด้วย  แต่เมื่อรุ่นพี่พูดกับคุณ  แม้แค่เพียงคำเดียว  เพียงเท่านั้นก็มากพอที่ทำให้ความเครียดของคุณหายไป  เพียงแค่คำหรือสองคำ  สิ่งดี ๆ ที่เขาปฏิบัติกับคุณเพียงเท่านั้นหัวใจของคุณก็รู้สึกลุกโชนขึ้นมาได้
แล้วอะไรคือสิ่งดี ๆที่คุณทำเพื่อดูแลรุ่นน้อง
ผมมักจะทำตัวตลกอยู่บ่อย ๆ ก่อนอื่นเลย  คุณจะต้องรู้สึกสบายใจมากพอที่จะสบตากับใครสักคน  มันจะทำให้การแสดงง่ายขึ้นเพราะว่าเราก็จะดูเหมือนเพื่อนที่อายุเท่ากัน  ผมก็เลยทำอะไรตลก ๆ เล่าเรื่องส่วนตัวบางเรื่อง  แล้วก็แบ่งอาหารการกินให้พวกเขา

คุณต้องมีความสุขแน่ ๆ เลยที่นักเขียนบทคิมอึนซุกเลือกคุณอีกครั้ง
ผมสนุกกับการถ่ายทำ "A Gentleman’s Dignity" มาก  หลังจากที่ละครจบลงผมก็หวังว่าเธอจะโทรหาผมอีก  แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะเร็วขนาดนี้นะครับ  ผมขอบคุณเธอมากจริง ๆ แล้วก็อยากจะตอบแทนที่เธอไว้ใจผม  ผมก็เลยกังวลมากทุกครั้งที่บทของตอนใหม่ถูกส่งมาให้ผม
ไม่ใช่แค่ใน “The Heirs” แม้แต่ใน “Friend 2” ก็ทำให้ฉันรู้สึกว่าเวลาที่คุณแสดง  สีหน้าของคุณแสดงออกได้ดีมาก
ผมไม่เคยฝึกซ้อมการแสดงออกทางสีหน้าเลยครับ (ในละครเรื่องนี้)  ในหนังสือชื่อ “I’m an actor” รุ่นพี่คิมยุนซอกกล่าวไว้ว่า “ถ้าคุณจริงใจ  สีหน้าที่เหมาะสมก็จะแสดงออกมาเองโดยธรรมชาติ”  ตั้งแต่นั้นมาผมก็ไม่เคยมองตัวเองในกระจกเวลาที่อ่านบทอีกเลย  ตอนที่ผมเป็นนายแบบ  ผมจะฝึกซ้อมการแสดงออกทางสีหน้าแม้กระทั่งตอนที่ผมแปรงฟัน  ทุกครั้งที่มองกระจกผมก็พยายามจะหาสีหน้าที่เท่ห์ที่สุด  นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงได้เลิกกดดันตัวเองตั้งแต่ตอนที่ผมเริ่มเป็นนักแสดง  ผมสนใจอยู่แค่การแสดงอารมณ์ที่เหมาะสมที่สุดกับสถานการณ์
คุณเพิ่มน้ำหนักเพื่อถ่ายทำ Friend 2 ใช่ไหม
ครับ  ผมเพิ่มน้ำหนักนิดหน่อย  แล้วก็ออกกำลังกายเยอะมาก  แต่ก็ไม่ใช่เพราะผู้กำกับบอกให้ทำนะครับ  ผมเพียงแต่คิดว่ามันคงจะดีถ้าผู้ชมจะรู้สึกถึงบทบาทของผมมากขึ้นแม้ว่ามันจะแค่เรื่องเล็กน้อยก็ตาม  ก่อนวันที่จะถ่ายทำ  ผมจงใจทานรามยอนก่อนนอนเพื่อที่หน้าผมจะได้ดูบวมแล้วก็ทำให้เหมือนว่าน้ำหนักผมเพิ่มนิดหน่อย
คุณไม่สนใจเลยว่าคุณจะดูเป็นยังไงเวลาที่อยู่บนจอ
ตอนที่ผมกำลังถ่ายทำ  ผมไม่เคยบอกตัวเองว่า “ฉันอยากจะให้คนเห็นว่าฉันหน้าตาดี”  ผมสนใจแค่การแสดงออกทางสีหน้าซึ่งมันเป็นเรื่องที่ใหญ่กว่ามาก  ผู้กำกับก็บอกว่าเขาชอบการแสดงของผม
คุณได้ดูที่จอนโดยอนพูดถึงคุณในบทสัมภาษณ์ของเธอหรือไม่
ครับ  ผมดู  ผมรู้สึกขอบคุณเธอ  ถึงผมจะไม่เคยพบกับเธอเลย  แต่เธอก็เป็นรุ่นพี่ที่ผมเป็นแฟนมาตลอด  ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ  ผมต้องขอบคุณแล้วก็บอกกับตัวเองว่าผมควรจะแสดงให้เห็นถึงภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น
จากสามสิ่งที่จอนโดยอนพูดถึงคุณ  คุณคิดยังไงเกี่ยวกับคำที่ว่า “ในฐานะนักแสดง  เขามีทัศนคติที่ถูกต้อง”
เวลาให้สัมภาษณ์  ผมถูกถามอยู่เสมอว่า “เป้าหมายของคุณคืออะไร”  แล้วทุกครั้ง  ผมก็ตอบว่า “ผมอยากจะเป็นคนดี  เป็นนักแสดงที่ดี”  ผมยังคงขบคิดถึงการทำอย่างไรเพื่อให้เป็นนักแสดงที่ดี  ผมคิดว่าผมเจออย่างหนึ่งนั่นคือการเป็นใครสักคนที่สนใจใส่ใจคนอื่น  หรือเป็นนักแสดงที่เป็นคนดี  ผมคิดว่าการเป็นนักแสดงที่ดีก็น่าจะเป็นอย่างนั้น  มีบางอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกซาบซึ้งเวลาที่ได้เห็นนักแสดงที่มีประสบการณ์มาก ๆ มาดูแลผม  แล้วผมก็ยังได้เห็นอีกว่า  การมีน้ำใจกับทีมงานก็ถือเป็นเรื่องหนึ่งของการเป็นนักแสดงที่ดี  ตอนแรกผมสนใจอยู่แค่การแสดงของผม  ไม่สนใจเรื่องราวรอบตัวเลย  แต่ตอนนี้ผมมีรุ่นน้อง  ตอนที่ผมยืนอยู่หน้ากล้อง  ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่มีโอกาสผมจะมองดูทีมงานรอบตัวผม  พวกเขาดูเหนื่อยมาก ๆ เมื่อนักแสดงไม่ได้เข้าฉาก  เราก็สามารถไปพักที่รถได้  แต่ทีมงานไม่เคยหยุดพักเลย  แล้วก็ทำงานหนักอยู่ตลอด
คุณต้องได้ยินมาเยอะแยะมากมายเลยใช่ไหม ที่ว่าคุณเป็นคนใจดี  ดูเหมือนว่าคุณจะเป็นคนอบอุ่นนะ
ผมเติบโตมาด้วยการได้รับความรักมากมายจากพ่อและแม่  ครอบครัวของผมรักใคร่กันดี  เรามีห้องแชทใน kakao แล้วก็คุยกันทุกวัน  แม่ของผมเหมือนเด็กสาววัยรุ่นเลยครับ  เธอดูคล้าย ๆ คิมซังรยองใน The Heirs แม่ยังเรียกผมว่า “ลูกชายของแม่, ลูกชายของแม่”  หรือไม่ก็ “เด็กน้อยของฉัน”  แม้ในตอนที่โกรธเธอก็ยังใจดี  เธอจะพูดเพียงแค่ “เก็บไปคิดดูนะ”  พ่อของผมตลกมาก  ที่ผมเป็นแบบนี้ก็เพราะผมเติบโตมาในครอบครัวแบบนี้แหละครับ
น้องสาวของคุณต้องมีความสุขแน่ ๆ ที่ได้มีคุณเป็นพี่ชาย
เธอเฉยเมยมากกว่าผมครับ  เธอเหมือนนักรบเลย  แล้วผมก็อ่อนไหวง่ายกว่าถ้าเทียบกับเธอเธอ  ผมยังร้องไห้บ่อยกว่าเธออีกนะ  วิธีที่เธอใช้ดูแลผมก็แตกต่างจากที่คนอื่นเขาทำกัน
บทบาทอะไรที่คุณอยากแสดง
มีเยอะมากเลยครับ  มีอีกหลายบทเลยที่ผมยังไม่ได้ลองทำ  ผมอยากจะแสดงบทที่แสดงความเจ็บปวดทางกาย  แล้วคนดูรู้สึกสงสาร  แล้วก็.....  ผมก็ไม่รู้นะ  มีบทแบบนั้นเยอะมาก
มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษที่คุณเลือกบทที่เกี่ยวข้องกับความเจ็บปวดทางร่างกายเป็นบทแรก ๆ
ตอนที่ผมดู “I Am Sam” ผมรู้สึกขอบคุณ..  ผมรักภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดความอบอุ่นของหัวใจมนุษย์  แล้วผมก็รักภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ในครอบครัว  ผมชอบหนังสือ "The pursuit of happyness"  แล้วก็ก็ร้องไห้ตอนที่ดูภาพยนตร์ที่วิลล์ สมิธกับลูกชายแสดงด้วยกัน  ผมอยากจะแสดงภาพยนตร์แบบนั้นในสักวันครับ
คุณมีแผนจะใช้สองสามวันสุดท้ายในปี 2013 อย่างไร
ผมมีตารางงานจนถึงสิ้นปีครับ  ในวันสุดท้ายของปี  ผมต้องไปเป็นพิธีกรให้กับงานประกาศรางวัล  ต้องขอบคุณนะครับนี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้ไปงานประกาศรางวัลด้านละคร  ผมก็เลยกังวลบ้างแต่ก็ยิ่งกังวลมากขึ้นกว่าเดิมอีกเพราะผมต้องเป็นพิธีกรด้วย
มีอะไรที่คุณอยากจะทำในปี 2014 เป็นพิเศษไหม
ผมไม่รู้ว่าปีนี้ผ่านไปได้ยังไง  น่าจะเกินปีแล้วนะที่ผมแทบจะไม่มีวันหยุดเลย  ผมไม่เคยคิดว่าผมอยากจะใช้แต่ละปียังไง  แต่ตอนนี้เราก็กำลังพูดกันเรื่องปี 2014  ผมก็ควรจะเริ่มคิดได้แล้วสินะ  อย่างแรกเลย  ผมต้องเลือกงานดี ๆ สักงานเพื่อที่จะแสดงให้เห็นภาพลักษณ์ที่ดีของผม  ช่วยติดตามด้วยนะครับ

Thai trans : @Bua2be
ติดตามข่าวสารงานแปลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.89linewoobin.blogspot.com/

Please Take Out With Full Credit.