วันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2557

[แปล] Message left about Jongsuk : The eldest son of the family.


It's ok.... it's going to be ok^^


 นักข่าวเขียนเรื่องนี้ไว้ใน DC เพื่อให้ลองเปรียบเทียบกันดู
มีเด็กคนหนึ่งซึ่งเป็นลูกชายคนโตของครอบครัว  เพื่อช่วยเหลือครอบครัว  เด็กคนนี้ต้องไปทำงานทุกวัน  เด็กคนนี้ทำได้ดีมาก ๆ   และเขาก็ยังดูแลบรรดาน้อง ๆ เป็นอย่างดี  ทั้งยังช่วยเหลือให้ครอบครัวมีความเป็นอยู่ที่ดี  อย่างไรก็ตาม  ครอบครัวก็ยังคงเฝ้าขอให้เด็กคนนั้นกลับบ้านเพื่อช่วยงานของครอบครัว  เด็กคนนี้มีงานใหญ่ที่เขาจะต้องทำให้สำเร็จ  แต่ก็ยังกลับไปช่วยงานที่บ้าน  แม้จะรู้สึกเสียใจกับเพื่อนร่วมงานที่ร่วมทำงานใหญ่ด้วยกันแต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น  เมื่อเขากลับบ้าน สิ่งที่เกิดขึ้นคือ  เมื่องานใหญ่นั้นดำเนินไปเด็กน้อยก็ไม่มีเวลาจะนอนอยู่แล้ว แต่เขาก็ยังทำงานตลอดทั้งคืนเพื่อที่จะได้กลับไปช่วยงานที่บ้าน  และจะได้กลับมาทำงานในเช้าวันรุ่งขึ้น  แม้จะรู้สึกเสียใจกับเพื่อนร่วมงานและบริษัทที่ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง  แต่โทรศัพท์จากทางบ้านก็ยังมีมาถึงเขาอยู่เสมอ
ผู้เขียน : ฉันรู้สึกเศร้ากับเรื่องนี้จริง ๆ ในวงการนี้  ไม่มีอะไรที่ฉันไม่เคยเห็น แต่มันก็ไม่ได้ลดความเจ็บปวดและความเศร้าที่ฉันมีเลย
ฉันได้ยินจากคนสนิทว่า (ต้นฉบับภาษาอังกฤษใช้คำว่า I hurt เข้าใจว่าน่าจะพิมพ์ผิดจาก I heard)  เพื่อจะทำให้ตัวเองยังคงตื่นอยู่เขาดื่มกาแฟแค่เพียงไม่กี่แก้วตลอดทั้งคืน  และก็ไม่ได้ทานอะไรมากมายนักก่อนที่จะเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศ  ก่อนหน้านี้เขาปฏิเสธที่จะรับงาน  และขอให้บริษัทได้ปล่อยให้เขามุ่งความสนใจไปที่งานของเขา  นี่เป็นธรรมชาติที่นักแสดงทุกคนจะต้องการแบบนี้  แต่ถึงอย่างนั้น  บริษัทก็ไม่ได้สนใจที่จะฟังเขา  โดยปราศจากการนอน  อาหาร  และงานที่เขาต้องเร่งรีบไปให้ทัน  เป็นธรรมดาที่เขาจะรู้สึกเหนื่อย  กาแฟที่อยู่ในมือของเขาไม่ต่างอะไรกับเครื่องชาร์ตพลังงาน
มันก็เหมือนกับที่เขาพูด  ในสถานการณ์ที่เขาทำผิด  หากเป็นใครสักคนที่คุ้นเคยและมีประสบการณ์มากพอกับสถานการณ์แบบนี้  พวกเขาก็จะเปลี่ยนท่าทางได้ทันทีหลังจากพูดออกมาว่า “ไอโย่”  แม้มันจะไม่ดี  แต่มันก็คือความจริง  อย่าฟังความข้างเดียว  แค่เพียงวีดิโอสั้น ๆ และรูปถ่ายไม่สามารถอธิบายได้ทุกอย่าง  พยานไปอยู่ที่ไหนกันหมดก็ไม่รู้  ฉันจึงทำได้เพียงรู้สึกเศร้า
ฉันคิดว่ามีบทความใน daum ที่ฮงจินคยองไปคอมเม้นท์ไว้
เธอกล่าวว่า  เธอไม่ได้สนใจจงซอกมากนักในตอนแรก  แต่เริ่มจะชอบเขาหลังจากเห็นคำขอโทษของเขา
เธอกล่าวว่า : เขาดูจริงใจมาก ๆ และถึงกับพูดว่าเขาเป็น “ผลิตภัณฑ์หลัก” ของบริษัท  งั้นบทความพวกนี้ก็ควรจะจบลงเดี๋ยวนี้!  ควรจะหยุดการโจมตีเขาด้วย!

Thai trans : @Bua2be
ติดตามข่าวสารงานแปลเพิ่มเติมได้ที่ http://89linewoobim.blogspot.com
Please take out with full credit.




[แปล|Caption] Lee Jongsuk interview with Apple Daily.



*แปลเฉพาะส่วนที่เป็นสัมภาษณ์นะคะ นาเรชั่นเยอะมากมาย

Q : มีข่าวลือว่ามีเศรษฐินีที่ชอบละครมากถึงกับยอมทุ่มทุน 10 ล้าน เพื่อที่จะได้ทานข้าวกับคิมซูฮยอน ถ้าเป็นอีจงซอกล่ะ จะตอบรับคำเชิญหรือเปล่า
จงซอก : ขึ้นอยู่กับว่าเศรษฐินีคนนั้นสวยหรือเปล่าครับ ถ้าสวย  ผมก็อาจจะตอบตกลงก็ได้ (หัวเราะ)

Q : ถามถึงคลื่นลูกใหม่ที่โด่งดังมาก ๆ อย่างตัวเขาเอง คิมซูฮยอน อีมินโฮ คิมอูบิน
จงซอก : คิมซูฮยอนแสดงเก่งมาก อีมินโฮก็ดูดีสุด ๆ เลยครับ คิมอูบินก็แสดงบทที่หลากหลายได้ทุกบทเลย ส่วนผมน่ะเหรอ ผมคิดว่าผมชนะสามคนนั้นนะ เพราะผมอายุน้อยที่สุด แล้วก็น่ารักด้วย (ซอกคะ~~~)

Q : ซงซึงฮอน วอนบิน เบยองจุน จางดงกอน สี่นักแสดงรุ่นพี่ที่โด่งดัง คุณชอบใครมากที่สุด
จงซอก : ผมชอบรุ่นพี่คังดงวอนมากที่สุดครับ พี่เขาแสดงเก่งและก็ดูดีมาก ๆ

จงซอก : ผมแต่งตัวง่าย ๆ ครับ แต่สำหรับผู้หญิง ผมชอบผู้หญิงที่สวมกระโปรงยาว มันจะทำให้ดูเซ็กซี่กว่ากระโปรงสั้นครับ ผมชอบแบบนั้นแล้วก็เคยซื้อเสื้อผ้าให้กับแฟนแบบนี้ด้วยครับ

จงซอกบอกว่าการถ่ายทำละครที่ฮังการีไม่มีอะไรมากนัก มีซีนที่เขาต้องกอดกับจินเซยอน (นางเอกของเรื่อง) แล้วก็ขี่มอเตอร์ไซต์ แต่ที่ไม่ชอบก็คงเป็นอาหารที่ไม่เหมาะกับเขาเลย 
เขาบอกว่าบทของพัคฮุนนั้นต้องพูดเกาหลีสำเนียงเกาหลีเหนือซึ่งถ้าเทียบกับที่ต้องแสดงเป็นหมอที่กุมหัวใจคนด้วยท่าทางที่ทรงภูมิถือว่าการเรียนพูดนั้นง่ายกว่ามาก



Source : http://hk.apple.nextmedia.com/entertainment/art/20140329/18672075
Eng trans (full) : http://amyhsk.tumblr.com/post/81077018336/apple-daily-news-translation-source-apple
Thai trans : @Bua2be 
ติดตามข่าวสารงานแปลเพิ่มเติม http://89linewoobin.blogspot.com
Please take out with full credit. 

วันศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2557

[แปล] Lee Jongsuk : Letter of Apology.


“จดหมายขอโทษ”

หลังจากที่ตารางของผมเสร็จสิ้นลง ผมจึงได้มีโอกาสทำความเข้าใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างแรกเลย ผมเสียใจ เสียใจเป็นอย่างมาก และขอโทษที่ทำให้คุณตกใจ จนถึงตอนนี้ ผมรู้ว่าการกระทำกับคำพูดของผมมันดูขัดแย้งกัน ผมเสียใจจริง ๆ และผมก็กลัวว่าต่อไปในอนาคตผมอาจดูเป็นคนโกหกในสายตาคุณ 

กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมจะไม่ขอแก้ตัวใด ๆ นอกจากขอรับไว้เป็นความผิดของผมทั้งหมด แต่อย่างน้อยผมก็ควรจะอธิบายให้แฟน ๆ ของผมเข้าใจ ก่อนอื่นเลย... เพราะผมเป็นนักแสดงหลักของค่าย ผมจึงได้รับการดูแลที่ค่อนข้างเข้มงวดและนั่นก็ทำให้ผมต้องได้รับการดูแลเป็นอย่างดี และมันก็มีปัญหานิดหน่อยเกี่ยวกับตารางงานที่ฮ่องกงของผม

ผมมองไม่เห็นเธอ (แฟนคลับคนที่พยายามจะเอาของขวัญให้กับเขา) พอมีใครสักคนมาผลักแขนผม ผมก็คิดว่าเป็นการกระทำของผู้จัดการ ผมเลยชักแขนออก แต่เธอกลับเป็นแฟนคลับของผม มีนักข่าวอยู่ที่นั่นเยอะมาก แล้วผมก็ตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก ดูเหมือนว่าผมจะไม่เคยเจอเธอมาก่อนหน้านี้ ผมเสียใจมากครับ เสียใจมากจริง ๆ และมันก็เป็นความผิดของผมทั้งหมด ผมจะปรับปรุงตัวครับ


'letter of apology'

With my schedule finished, I was able to finally get a grasp of the situation. First off, I am very very sorry and I apologize for shocking you... I feel like my words and actions up until now have become contradictions so I am very sad and I am scared that my future actions will appear as lies in your eyes.

Whatever the case, although I have no right to try to explain myself as it is completely my fault, I thought that I should at least explain to my fans... First off, since I am the main product of the agency, I am normally excessively guarded and protected and that has concerned me a lot as well. And while adjusting my recent Hong Kong schedule, there was a bit of trouble.

I didn't see the fan [who was trying to give me a present] so when someone pulled my arm, I thought that it was of course my manager and pulled my arm away, but it was a fan. There were a lot of reporters there too so I also got flustered and couldn't hide my expressions. It seemed like the fan was one I hadn't met before so I am very very sorry and it's all my fault. I will do better in the future.


Eng : www.allkpop.com
Thai trans : @Bua2be
ติดตามข่าวสารงานแปลเพิ่มเติม http://89linewoobin.blogspot.com/
Please take out with full credit.



ขอประชด(?) เรียกว่าพูดความจริงจะดีกว่านะคะ  ด้วยรูปต่อไปนี้  นี่คือสิ่งที่ซอกปฏิบัติกับแฟนคลับที่เขารักตลอดมา  ไม่รวมแฟนแอค  คำพูด  ที่ซอกพูดกับแฟน ๆ ด้วยความใส่ใจ  ห่วงใย  แค่นี้น่าจะพอให้คนที่เข้าใจผิด  ได้รู้จักซอกมากขึ้นบ้าง



















วันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2557

[แปล] Lee Jongsuk interview with DAZED and CONFUSED April 2014.



Q: อาการป่วยจากไข้หวัด H1N1 หายดีหรือยังคะ
จงซอก : ดีขึ้นมากแล้วครับ

Q: เกิดอะไรขึ้นกับคุณคะ
จงซอก : นี่เป็นครั้งแรกเลยครับที่เกิดเรื่องแบบนี้  เหมือนว่าผมจะมีเวลาเล็กน้อยเพื่อจะเตรียมตัวก่อนที่การถ่ายทำจะเริ่ม  แล้วก็กลายเป็นว่าเรื่องมันไม่ง่ายเลยครับ  เหมือนว่ามีเวลามากเกินไปผมก็เลยไม่ได้พักง่าย ๆ มั้งครับ  ผมรู้สึกว่ามันรุนแรงมากขึ้นก็ตอนที่ผมต้องนอนอยู่ในโรงพยาบาลเพราะ H1N1 ไปไหนไม่ได้เลยครับ  ทำได้แค่นอนอ่านบทอย่างเดียวเลย

Q: นี่เป็นครั้งแรกที่คุณรับบทที่โตขึ้น  กังวลบ้างไหมคะ
จงซอก : เพราะว่าผมเล่นบทนักเรียนเยอะมาก  ผมก็อยากจะลองเล่นบทผู้ใหญ่ที่ร้าย ๆ ดูบ้าง  แล้วตอนนี้คาแรคเตอร์ของผมก็เปลี่ยนไปนิดหน่อย  เริ่มเปลี่ยนจากวัยรุ่นไปเป็นช่วงยี่สิบปลาย ๆ ครับ  มีบางช่วงบางตอนที่แม้แต่ผู้จัดการของผมก็ยังเข้าใจผิดเลยครับ (หัวเราะ)

Q: บทที่ได้รับเป็นยังไงคะ
จงซอก: เป็นคนที่หนีจากเกาหลีเหนือครับ  เป็นหมอที่เก่งมาก ๆ รู้จักการ์ตูนเรื่อง “One Piece”มั๊ยครับ  บทนี้เหมือนลูฟฟี่ครับ

Q: อายุของตัวละครที่คุณได้รับเป็นเรื่องสำคัญเหรอคะ
จงซอก: เมื่อก่อนนี้ผมมักจะได้รับบทนักเรียนไฮสคูลอยู่บ่อย ๆ ผมก็เลยไม่ได้คิดอะไรเลยครับ  แต่คนอื่น ๆ ก็จะจัดหมวดหมู่ของตัวละครที่ผมได้รับจากงานที่พวกเขาทำ  ผมก็เลยรู้สึกว่าตอนนี้ผมควรจะหยุดสวมเครื่องแบบนักเรียนได้แล้วครับ

Q: คุณเป็นนักเรียนแบบไหนคะ
จงซอก: เอาจริง ๆ ไหมครับ  ผมเป็นคนที่เงียบมาก ๆ

Q: ห๊ะ  ล้อเล่นใช่ไหมคะ
จงซอก: ผมเป็นคนที่เงียบมาก  เงียบสุด ๆ ไปเลยครับ  แล้วก็ไม่ได้ตั้งใจเรียนสักเท่าไหร่  ผมก็เหมือนนักเรียนทั่ว ๆ ไปครับ  เป็นแบบที่ไม่ได้สนใจอะไรมากมาย

Q: งั้นคุณก็ไม่เคยเป็นวัยรุ่นแบบใน ‘hot young bloods’เลยสิ
จงซอก : ผมเสียใจมากจริง ๆ นะ  แต่ผมก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นครับ  วัยรุ่นของผมก็แค่ผ่านไปโดยไม่มีเรื่องราวอะไรเลย  ผมเป็นนายแบบตั้งแต่ยังเด็ก  แล้วก็ไม่เคยมีความฝันอย่างอื่นนอกเหนือไปจากนั้นเลยครับ



Q: แล้วอะไรที่คุณอยากทำถ้าย้อนเวลากลับไป
จงซอก: บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าผมไม่ได้ทำอะไรเลย ผมก็เลยบอกไม่ได้ครับ  บางทีการได้ลองทำอะไรหลาย ๆ อย่างอาจจะดีก็ได้ครับ  ถึงแม้ว่าต่อมาผมจะต้องเสียใจเพราะเรื่องพวกนั้นก็ตาม  แล้วพอถึงตอนนี้  ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ผมมีปัญหาว่าจะตัดสินใจอย่างไร  ผมก็จะย้อนคิดกลับไปถึงเรื่องนั้น  คนที่ในชีวิตนี้ผ่านความเจ็บปวดกับความผิดพลาดมามาก ๆ ก็อาจจะเป็นคนที่สามารถตัดสินใจอะไรได้อย่างรวดเร็ว  มันก็เหมือนกับเด็ก ๆ มากมายที่ประสบกับปัญหาตอนที่พวกเขายังเด็ก  พวกเขาก็จะมีปฏิกิริยาแบบผู้ใหญ่เมื่อพวกเขาเติบโตขึ้น

Q: แล้วถ้าคนอื่นพากันขุดคุ้ยอดีตของคุณล่ะ
จงซอก: อืม...  ผมหวังว่าพวกเขาจะสามารถคิดได้ว่า  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอดีต  แต่ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรนี่ครับ
Q. นั่นเป็นที่มาของการเปลี่ยนสีผมของคุณใช่ไหม
จงซอก : ไม่เกี่ยวอะไรเลยครับ  ผมก็แค่อยากจะมีผมบลอนด์สักครั้งในชีวิต  แต่จริง ๆ แล้วผมอยากทำสีเงินนะ  แต่ตอนที่กำลังกัดสีผม  มันเจ็บมาก ๆ เลยครับ  ผมก็เลยตัดใจแล้วก็ทำสีบลอนด์แทน (หัวเราะ)

Q: สนใจเรื่องแฟชั่นไหมคะ
จงซอก: ผมรักแฟชั่นมาก ๆ เลยล่ะครับ  สักปีนึงได้แล้วครับที่ผมรักเสื้อผ้าที่ Henrik Vibskov กับBernhard Willhelm  เป็นคนออกแบบ 



Q: สไตล์แฟชั่นของคุณตอนนี้ล่ะคะ
จงซอก: เป็นอะไรที่ง่าย ๆ ครับ  กางเกงที่ใส่สบาย ๆ รองเท้าไม่มีส้น  เสื้อยืดเรียบ ๆ กับคาร์ดิแกนผ้าวูลแล้วก็เสื้อโค้ทตัวยาวอีกสักตัวครับ

Q: สไตล์ของคุณดูแมนแล้วก็โตมากขึ้นนะ  เป็นเพราะคุณอายุมากขึ้นหรือเปล่า
จงซอก: ในขณะที่อายุผมเพิ่มขึ้นทุกปี  ผมก็จะเติบโตขึ้นไปในฐานะคน ๆ หนึ่ง  ทั้งทางร่างกายและจิตใจ  เดี๋ยวนี้ผมมักจะหาบทสัมภาษณ์ของรุ่นพี่มาอ่าน  ผมได้เรียนรู้อะไรมากมายจากการแสดงของรุ่นพี่และจากชีวิตของพวกเขา

Q: จากบทสัมภาษณ์พวกนั้น  อะไรคือสิ่งที่น่าจดจำที่สุด
จงซอก: มีบทสัมภาษณ์อันหนึ่งที่พูดถึงการเปลี่ยนแปลงของนักแสดง  ในบทสัมภาษณ์บอกว่า “ผู้ชมต้องการเพียงแค่ได้ชมการแสดงที่ดี  และไม่ได้สนใจอะไรที่เรียกว่า “การเปลี่ยนแปลง””  ผมจำไม่ได้ว่าใครพูดคำนี้ครับ  แต่เขาหมายความว่าแทนที่จะพยายามทำตัวเองให้แตกต่างด้วยบทที่ไม่เหมาะกับตัวเอง  มันจะดีกว่าถ้านักแสดงจะเลือกบทที่เหมาะกับตัวเอง  มีบางครั้งที่ผมได้ยินคนพูดว่าผมแสดงบทที่คล้าย ๆ กัน  คำพูดนั้นตรงกับใจผมจริง ๆ ครับ
Q: งานแบบไหนที่คุณอยากจะทำเป็นงานต่อไป
จงซอก: เป้าหมายของผมสำหรับ 2-3 ปีข้างหน้าคือ  ภาพยนตร์ 1 เรื่อง ละคร 1 เรื่อง ต่อปีครับ  โดยส่วนตัวแล้วผมชอบดูละครที่ผมสามารถเข้าถึงได้ครับ  สำหรับละคร  ผมอยากจะเลือกละครที่ผมสามารถสนุกด้วยได้  สำหรับภาพยนตร์ผมอยากจะแสดงภาพยนตร์ที่เค้าโครงเรื่องชัดเจน (น่าจะหมายถึงบทตรง ๆ แรง ๆ ค่ะ)


Q: คุณจะต้องเหนื่อยแน่ ๆ เลยที่ทำงานโดยไม่ได้หยุดพักเลย
จงซอก: ครับ  มันเหนื่อยมาก  (ต้นฉบับบอกว่าซอกใช้คำว่า “ผมไอเป็นเลือด”  ก็เลยไม่แน่ใจว่าเป็นแค่คำเปรียบเปรยในภาษาเกาหลีหรือซอกไอเป็นเลือดจริง ๆ )

Q: อะไรที่คุณยอมตายดีกว่าที่จะยอมทำ
จงซอก: พิธีกรรายการเพลงครับ  บทบาทสำคัญของพิธีกรคือจำเป็นต้องกระตุ้นบรรยากาศ  แล้วบุคลิกผมก็ไม่เหมาะกับสิ่งนี้เลยครับ

Q: คุณเป็นคนตรงไปตรงมาอยู่เสมอหรือเปล่า
จงซอก: เวลาสัมภาษณ์ผมมักจะเผยให้เห็นจุดอ่อนของผมก่อน  ผมจะรู้สึกอายน้อยลงถ้าผมสามารถออกตัวก่อนที่คนอื่นจะพูดมันออกมา (ประมาณว่าแฉตัวเองดีกว่าให้คนอื่นแฉค่ะ)  มันเป็นกลไกการป้องกันตัวที่ใช้ได้ดีเลยครับ

Q: คุณเดบิวต์มาได้ 5 ปีแล้ว  ลองจินตนาการถึงตัวคุณเองในอีก 5 ปีข้างหน้าได้ไหมคะ
จงซอก: ผมหวังว่าผมจะเปล่งประกายความเป็นลูกผู้ชายนับจากนี้  ไม่ใช่ในฐานะเด็กหนุ่ม  แต่เป็นตัวจริง  เป็นผู้ชายที่เติบโตแล้ว (หัวเราะ)

Q: มันจะง่ายขึ้นหลังจากออกจากกรมนะ
จงซอก: ใครจะไปรู้เรื่องนั้นล่ะครับ





Thai trans : @Bua2be
ติดตามข่าวสารงานแปลเพิ่มเติม http://89linewoobin.blogspot.com/
Please Take Out With Full Credit.


ไม่มีครั้งไหนที่อ่านบทสัมภาษณ์ของผู้ชายคนนี้แล้วไม่ตกหลุมรัก  ซอกกี้น่ารัก  ตรงไปตรงมา  ถ่อมตัวตลอด...