วันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

[แปลสัมภาษณ์] Lee Jongsuk interview with Marie Claire March 2015.



พินอคคิโอจบลงด้วยการประสบความสำเร็จอย่างงดงาม  ในฐานะนักแสดง  ถือว่านี้เป็นการชดเชยเรื่องอื่น ๆ
ละครประสบความสำเร็จมาก  โดยส่วนตัวแล้ว  ผมมีความสุขมากกว่านั้น  ปีที่แล้วช่วงเวลาเดียวกันนี้  เหมือนเป็นช่วงของความตกต่ำ  เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าการแสดงไม่มีอะไรน่าสนใจและเป็นเรื่องยากที่จะทำ  Doctor Stranger ก็ประสบความสำเร็จเช่นกัน  หลังจากความตั้งใจที่มากมายนั้น  ผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะความยากลำบากจากการที่จะต้องเป็นที่หนึ่งหรือเปล่า  ที่ทำให้ผมเหนื่อยมาก  ในตอนนั้นถ้าพอมีเวลาผมก็คิดว่าอยากจะพักยาว ๆ บ้าง  แต่เมื่อผมพยายามจะพักไปสักระยะหนึ่ง  ทีมIHYV ก็เริ่มทำงานชิ้นใหม่ ผมก็เลยคิดขึ้นมาได้ว่า “ถ้าพักตอนนี้ ไม่ดีแน่ ๆ “  ผมก็เลยเริ่มทำงานอีกครั้ง

ฉันคิดว่าไม่มีใครรู้เลยนะว่าอีจงซอกก็มีช่วงเวลาที่ตกต่ำ  เพราะคุณทำได้ดีมากก่อนหน้านี้  งานของคุณก็เลยออกมาเหมือนไม่มีช่วงพักเลย
เวลาที่ผมมองดูประวัติผลงานตัวเอง ดูเหมือนว่าจะมีสัก 2 งาน/ปี  ผมทำงานต่อเนื่องแบบไม่ได้หยุดเลย  นี่แหละครับที่ทำให้ผมรู้สึกเหนื่อย  มันยากมากจริง ๆ ตลอดทั้งเรื่องพินอคคิโนจนกระทั่งจบ  ผมคิดว่ามันเหมือนกับผมได้รับการเยียวยา  นี่เป็นละครที่ดีจริง ๆ

บทที่ได้รับเป็นอย่างไรบ้าง
จริง ๆ แล้วตอนที่เริ่มแรก ๆ ไม่มีอะไรเป็นที่เป็นพิเศษเลยครับ  ถึงแม้เขาจะมีประสบการณ์ที่เจ็บปวด  แต่ก็ยังไม่มีอะไรที่โดดเด่นที่จะถ่ายทอดออกมาได้เลย  นักเขียน  เขียนจากเรื่องราวปกติพื้นฐาน  ทั้งชื่อ  ทรงผมสิงโต  รองเท้ายาง  ตอนที่ผมค่อย ๆ ถ่ายทำไปเรื่อย ๆ ผมก็พบหนทางว่าผมจะแสดงออกมาได้ยังไง

มันเป็นสถานการณ์ที่น่าอายจริง ๆ เลย (หัวเราะ)
ผมเองก็ยังตลกกับเรื่องนี้เลยครับ  จริง ๆ แล้วผมคิดว่า “ผมจะทำยังไงดีนะถ้าแฟน ๆ ทิ้งผมไป” (หัวเราะ) นั่นแหละครับทำให้ผมไม่กล้ามองดูตัวเองจนกระทั่งถึงตอนที่ 4 ผมดูน่าเกลียดจริง ๆ นะ  ผมก็แค่ต้องปล่อยวางทุกอย่างแล้วทำมัน

ในช่วงอายุของคุณ คุณควรจะกังวลเกี่ยวกับการจัดการกับภาพลักษณ์ของคุณเมื่อต้องแสดง  อย่างในภาพยนตร์ Hot Young Bloods ถ้าเปรียบกับนักแสดงคนอื่นที่อายุเท่า ๆ กับคุณ  ฉันรู้สึกว่าคุณเป็นคนเดียวที่กล้าทำแบบนี้

เวลาที่คนอื่นทำแบบนี้  ผมคิดว่าพวกเขามีเสน่ห์มากนะ  อย่างโบยองนูน่าที่แสดงใน IHYV มีคนมากมายที่รักเธอเพราะการแสดงแบบนั้น  เวลาที่คนที่สวย ๆ ทำอะไรที่เหมือนกับการทำลายภาพลักษณ์สวยงามของตัวเอง  ผมรู้สึกว่านั่นเป็นเสน่ห์นะ พัฒนาการของผมดีขึ้นกว่าที่ผมคิดว่าผมจะทำได้  ในอนาคตข้างหน้าที่ผมวางแผนไว้  ผมจะทำมันไปแบบนี้ค่อย ๆ ก้าวไปหาเป้าหมายของผมทีละก้าวทีละก้าว  แต่ถึงอย่างไร IHYV ก็ทำได้ดีจริง ๆ เป็นสิ่งที่ดีและเป็นสิ่งที่ต้องขอบคุณจริง ๆ ครับ แต่ในทางกลับกันผมก็คิดว่าฟองสบู่นี้จะหายไปโดยเร็วสักที  หลังจาก IHYV จบลงผมต้องทำงานอย่างอื่น  มันเป็นภาระที่หนักหนาจริง ๆ ครับ ผมก็แค่อยากจะแสดงเท่านั้นเอง ตอนที่ผมทำ Hot Young Blood ทุกคนคัดค้านหมดเลย  แต่บทบาทก็น่าสนใจจริง ๆ เรื่องของการแสดงคือ คนหนึ่งคนจะแสดงอย่างไรให้แตกต่างกันไปในแต่ละงานแต่ละบทบาทที่แสดงโดยอีจงซอกไม่ใช่เหรอครับ?  มันก็เหมือนกับที่คนอื่นคิด มันมีเรื่องของพื้นเพอย่างช่วงยุคสมัย  วิธีการพูด  สำเนียง ผมเลยคิดว่าผู้ชมน่าจะได้มีโอกาสเห็นความเปลี่ยนแปลงของผมอย่างช้า ๆ จนถึงตอนนี้  เมื่อผมมองย้อนกลับไป  ผมคิดว่าผมทำได้ดีนะ







ตอนที่คุณได้รับความสนใจจาก Secret Garden  ฉันคิดว่าคุณจะรับบทที่คล้าย ๆ กันแล้วค่อย ๆ เปลี่ยนไปทีละนิดทีละหน่อย หรืออาจจะใช้เวลาอย่างน้อยมากกว่า 2-3 ปี  แต่ตอนนี้อีจงซอกทิ้งบทบาทที่ทำให้เขามีชื่อเสียงไปแล้ว
นั่นแหละครับที่ผู้กำกับพูดกับผมหลังจากที่ผมแสดงในพินอคคิโอ  บทที่ผมรับมีอย่างหนึ่งที่คล้ายกัน  ไม่มีบทบาทไหนที่พ่อหรือแม่ของพวกเขามีชีวิตอยู่เลย  พวกเขามีปม  มีความเจ็บปวดในแต่ละบทบาท  ผู้กำกับบอกว่า “นายจะต้องมีช่วงเวลาที่สบาย ๆ ได้แสดงบททายาทเศรษฐีแบบที่นักแสดงคนอื่นแสดงบ่อย ๆ “  สำหรับบทบาทที่มีเรื่องราวเบื้องหลังซับซ้อนที่มีมากขึ้นตามจำนวนตอนที่เพิ่มขึ้น  จะทำให้น่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ผมนึกภาพตามได้ดี  แม้พวกเขา(บทที่ได้รับ)จะยากมากขึ้น ผมก็จะทำความรู้จักกับพวกเขาให้มากขึ้น

คุณชอบที่จะเลือกบทที่คนอื่นคิดว่ายาก  แล้วก็ไม่เคยพักเลย  แบบนี้รู้สึกอ่อนเพลียหรือเหนื่อยสะสมบ้างหรือเปล่า?
ก่อนและหลัง Dr. Stranger  ก็ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นแหละครับ  การมีชีวิตชีวานี่มันยากจริง ๆ อย่างวันนี้แม้จะไม่ได้ทำอะไรเลย  ผมก็ยังรู้สึกเหนื่อยจริง ๆ เป็นอะไรที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก  ตอนที่ถ่ายทำพินอคคิโอผมจะรู้สึกสดชื่นหลังจากที่ได้หลับพักช่วงสั้น ๆ ผมคิดว่ามันเป็นเพราะปัญหาอะไรบางอย่างที่อยู่ในใจผม  ถึงแม้ผมจะรู้ว่ามันยากมากแต่ผมกลับไม่รู้สึกเป็นทุกข์เลย  ผมก็แค่ปล่อยไปตามสบาย  ทำตามบท  ทำตามผู้กำกับ  แล้วก็ผ่านช่วงนั้นมาแบบนั้นแหละครับ  ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร  อาจเป็นเพราะเป็นคนที่ผมไว้ใจใกล้ชิด  ผมก็เลยทำแบบนั้นได้  ผู้กำกับโจซูวอน  นักเขียนพัคฮเยรยอน  เป็นคนที่ผมไว้วางใจ 100%  ความเป็นผู้นำของทั้งสองคนนั้นเยี่ยมยอดมาก ๆ ผมทำงานนี้เพราะพวกเขามากกว่าที่จะเป็นเพราะบท  ไม่ใช่ว่าไม่มีเรื่องราวที่เกี่ยวกับนักข่าวแบบนี้  แต่เกือบทั้งหมดแทบจะไม่ประสบความสำเร็จ  แม้จะรู้แบบนี้แต่ผมก็ยังทำเพราะว่ามันทำให้ผมได้ทำงานกับพวกเขา

คุณให้น้ำหนักกับละครและภาพยนตร์พอ ๆ กัน
ถึงแม้จะไม่ใช่แบบนั้น  แต่หลังจาก Dr. Stranger ผมต้องแสดงภาพยนตร์  และผมก็ยังคิดถึงเรื่องนั้นจนกระทั่งมาแสดงพินอคคิโอ  ผมคิดว่าผมได้เรียนรู้จากละครมากกว่า  ในละครผมคิดว่าผมเป็นที่รู้จักในระดับหนึ่ง  แต่ในภาพยนตร์ใครรู้จักผมบ้างล่ะครับ  ในความจริงแล้ว  ไม่ว่าจะละครหรือภาพยนตร์  ผมก็ยังไม่เป็นที่รู้จัก  เวลาที่มีคนเจอผม  เขาจะจำผมได้ในฐานะคนดังไหม หรือจะจำผมได้ในฐานะนักแสดง  พอคิดแบบนี้ก็รู้สึกอายครับ  ผมคิดว่าคนมีคนไม่มากหรอกที่จำผมได้ในฐานะนักแสดง



นักแสดงที่รับบทนำในภาพยนตร์ หากเปรียบเทียบแล้วพวกเขามักจะมีอายุมากกว่าและยังเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์  รู้สึกแบบนั้นกับตัวเองบ้างไหม
 เมื่อนักแสดง A กับนักแสดง B ถูกเปรียบเทียบในเวลาเดียวกัน  จะไม่ใช่แค่บทบาทที่พวกเขาแสดงออกในงาน  มันจะตามมาด้วยการประเมินว่านักแสดงคนไหนแสดงภาพยนตร์อินดี้มาอย่างต่อเนื่องในขณะที่ก็ทำภาพยนตร์แบบเชิงพาณิชย์ประสบความสำเร็จไปด้วย  มันแตกต่างจากคนที่ทำได้ดีกับผลงานทางทีวี

เหมือนกับที่นักแสดงที่มีชื่อเสียงหรือไอดอลไปแสดงมิวสิคัลใช่ไหม
นั่นมันเศร้าหน่อย ๆ นะครับ  ผมก็อยากแสดงภาพยนตร์นะ  แต่ไม่อยากจะเป็นนักแสดงนำแบบครึ่ง ๆ กลาง  ก่อนหน้าที่ผมจะเดบิวต์  ผมคิดว่าคงไม่มีใครจำผมได้ในฐานะนักแสดงจนกว่าจะอายุ 30  ผมควรจะรีบ  ผมพูดเรื่องนี้ในสัมภาษณ์ด้วยนะ  ผมทำงานที่แตกต่างกันแบบไม่หยุดเลย  ถ้าทำได้ไม่ดีก็จะรู้สึกอาย  ผมต้องทำให้ดี  ผมทำได้แค่ทำให้ดีเท่านั้น  แต่พินอคคิโอกลับง่ายกว่าเพราะผมไม่ต้องบีบตัวเองแบบนั้น  ผมก็แค่ทำมัน  กองถ่ายก็ดี ทีมงานก็ดี  จนตอนนี้ผมก็ชอบละครมากกว่า  แม้ว่ามันจะเหนื่อยมากจนจะตายให้ได้  ในช่วงหลัง ๆ ผมแทบไม่ได้นอนมากกว่า 2 ชั่วโมงเลยเพราะต้องถ่ายทำ  มีบางครั้งที่ทิศทางเปลี่ยนไปจากที่เริ่มไว้ในตอนแรก  มันดีมากครับ  ยิ่งผ่านไปหลายตอน  ความรู้สึกเข้าถึงก็ยิ่งแน่นหนามากขึ้น  สิ่งนี้แสดงให้เห็นได้เลย  เวลาที่มีอะไรที่อยากทำมาก ๆ อ่า... จะเหมือนร่างกายถูกแผดเผาไปเลยครับถ้าเราสนใจอะไรสักอย่าง






ในทุก ๆ งานที่ทำ บทบาทที่ได้รับเหมือนกับตัวของอีจงซอก
มันกำลังจะเป็นแบบนั้นครับ มีคนที่แสดงได้เป็นธรรมชาติ  แต่ก็ยังดูเหมือนแสดงอยู่  อย่างเวลาที่ผมพูด ผมไม่มีความแข็งแรงเลย  ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น  แต่ในละครผมต้องพยายามให้ดีที่สุดที่จะเปล่งเสียงและอ่านบท  ใน 60 ฉาก  ถ้าผมมุ่งมั่นตั้งใจสัก 2 ฉาก  ผมก็จะทำให้ฉากอื่น ๆ ผ่านไปด้วย  ผมแค่ต้องกระตือรือร้นกับการแสดงของคนอื่น ๆ ผมใช้ความคิดที่ว่า “เลือกแล้วกิน”  ซึ่งหมายความว่า  ผมสามารถเลือกที่จะทำได้ดีใน 2 ฉากจากทั้งหมด  แต่ต้องไม่มากไปกว่านั้น  นั่นคือช่วงเวลาที่การแสดงของผมจะมีคุณค่ามากพอ  เวลาที่ผมมองย้อนกลับไป  ผมมักจะแปลกใจว่าทำไมผมถึงได้พูดบทที่มันดูพื้น ๆ แบบนั้นไปนะ  ผมสามารถทำได้ดีสุดๆ กับสองฉากที่ผมทำได้ในตอนนั้นเท่านั้นแหละครับ

พูดอะไรพื้นๆ? แทนที่จะพูดแบบนั้น  น่าจะเรียกได้ว่าเป็นการแสดงที่ผ่อนคลายนะ  สำหรับนักแสดงรุ่นเดียวกับคุณ  เรื่องที่ยากที่สุดคือการผ่อนคลายขณะแสดงนะ
ผมต้องตั้งใจอย่างหนักเลยล่ะครับเพื่อที่จะทำมัน

ฉันได้ยินมาว่าคุณไปเข้าชั้นเรียนการแสดงกับนักแสดงหน้าใหม่ด้วย  จริงอยู่ที่นักแสดงต้องเข้าชั้นเรียนการแสดง   แต่อย่างไรก็ตาม  ฉันไม่เคยได้ยินว่ามีคนอื่นทำแบบนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนักแสดงหน้าใหม่
ตอนที่ทำแบบนั้น  ผมคิดว่าผมพัฒนาขึ้นเยอะเลย  มันไม่น่าสนใจเลยตอนที่ผมทำด้วยตัวเอง  อาจารย์ให้บทพูดผม  แล้วก็ได้คำแนะนำมาจากอาจารย์ในชั้นเรียนกับนักแสดงคนอื่น ๆ ตอนที่ผมเห็นนักแสดงคนอื่นแสดงออก  วิธีที่พวกเขาพูดมันทำให้ผมได้เรียนรู้  ถ้ามีใครทำไม่ดีผมก็ได้เรียนรู้ว่าอย่าทำแบบนั้น  เป็นครั้งแรกที่ได้เรียนกับนักแสดงหน้าใหม่  พวกเขาได้ยินว่าจะมีนักแสดงมาร่วมเรียนด้วย  แล้วก็แบบพากันมาดูว่าผมจะทำได้ดีแค่ไหน นั่นมันเจ็บปวดจนอยากจะตายให้ได้เลยล่ะ

จงซอกดูเหมือนจะเป็นเป็นคนกล้า ๆ นะ
ผมไม่กล้าเลยครับ  ผมเป็นคนเก็บตัวมาก ๆ มันมหัศจรรย์มากเลยที่ผมแสดงได้  ผมไม่มีอะไรที่สนุกสนานในชีวิตเลย  ไม่มีอะไรที่สนใจ ความทะเยอะทะยานนี่นับว่าเป็นเรื่องยากสำหรับผมเลยที่จะทำอะไรสักอย่าง  อย่างเดียวที่ผมทำตอนแสดง ตอนที่ดูงานของผมหลังจากนั้นคือมันทำให้ผมรู้สึกดี  เมื่อแสดงทำให้ผมรู้ว่าผมต้องไปเรียนว่ายน้ำทั้งที่ผมเกลียดที่จะทำ  เมื่อผมต้องแสดงต่อไป  มันก็เลยเป็นเรื่องดีที่ทำให้ผมได้เรียนรู้บางสิ่งบางอย่าง



สำหรับคนที่ไม่รู้เลยว่าต้องการทำอะไร  ไม่ใช่เรื่องยากที่จะแสดงหรือ?  เมื่อคุณจุ่มเท้าลงไปในน้ำของอุตสาหกรรมบันเทิง  มันก็มีปัญหาอื่นตามมาด้วย  แล้วทำไมยังอยากแสดงอยู่อีก?
ผมยังเจอกับอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกด้วยครับ  ผมชอบเวลาที่ได้แสดง  อุตสาหกรรมบันเทิงเป็นเรื่องที่แตกต่างจริง ๆ ความจริงคือผมอยากจะรับงานโฆษณาที่ได้เงินเยอะ ๆ ยกตัวอย่างเช่น  ผมจำต้องส่งข้อความอวยพร  แล้วก็เพราะอะไรแบบนั้นแหละครับ  มันเป็นเรื่องน่าสนใจที่จะพูดแต่เรื่องของตัวเองเวลาสัมภาษณ์แต่ก็ยังมีข้อแม้อย่างอื่นอีก  ผมถึงรู้ว่ามันยากมาก  แต่ก็ไม่มีทางอื่น  มันเป็นอะไรที่ผมต้องทำ  ผมก็เลยทำ  แต่ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้วล่ะ  นานมาแล้วที่ผมชอบดูทีวี  ตอนที่เรียนมัธยมเข่าผมเจ็บและเอ็นฉีก  ผมจำต้องนอนอยู่บ้าน 6 เดือน  แล้วผมก็ดูทีวีไม่หยุดเลย  ละครเรื่อง Full House ที่เรนแสดงก็ออกอากาศ  เขาเจ๋งมาก ๆ ผมไม่ได้อยากแค่จะแสดงแต่ผมอยากเป็นแบบเรนและนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของผม  ไม่ว่าจะไปไหน  ผมเกลียดที่จะต้องอับอาย  เพื่อที่จะทำให้ดีผมต้องตั้งใจทำงานหนักมาก  พอละครออกอากาศ  ผมจะดูละครในมุมมองของผู้ชม  มองอย่างเป็นกลาง  ผู้ชมมองการแสดงของผมเป็นอย่างไรบางนะ  ผมคิดอยู่บ่อย ๆ ว่าทำยังไงจะแสดงได้อย่างนั้นบ้าง  และมันก็ออกจะน่าอาย  ผมต้องทำให้ดี ผมต้องทำให้ดี เมื่อผมทำบ่อย ๆ ก็เลยรู้ว่ามันเหนื่อย...





คุณคิดว่านี่เป็นสิ่งคุ้มค่าพอกับการที่เลือกการแสดงเป็นอาชีพหรือเปล่า

ผมยังไม่มีความคิดเรื่องนี้เลยครับ  ที่มันแปลกก็คือ  ผมเริ่มที่จะผ่อนคลายแล้วก็รู้สึกมั่นใจมากขึ้น ๆ เวลาที่อยู่ในกองถ่าย  แล้วที่นอกเหนือไปจากนั้นผมก็รู้สึกเหนื่อยมากขึ้นด้วย  ผมได้ทำความเข้าใจทีละเล็กทีละน้อยว่าทำไมรุ่นพี่ถึงได้พูดว่าการแสดงเป็นอะไรยากขึ้นเรื่อย ๆ ตราบเท่าที่เรายังทำมันอยู่

 

แล้วยังไงเหรอ? นี่คุณยังมุ่งมั่นที่จะทำให้มันยากขึ้นอีกใช่ไหม?

อย่างที่เคยบอก  ผมอยากจะทำให้ดีขึ้นอยู่ตลอดแหละครับ  แม้แต่จุดเล็กจุดน้อยในบทสนทนา  ผมก็อยากจะทำให้เสียงผมเปลี่ยนไปแต่ก็ทำไม่ได้แบบนั้น  แล้วก็เหมือนผมไม่สุขกายสบายใจเพราะเรื่องนั้น  มีบางตอนที่ผมจำเป็นต้องตะโกนเสียงดัง ๆ แต่ผมก็ทำไม่ได้  ก็เลยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพูดออกไปในโทนเสียงที่ต่ำลง  เพราะไม่รู้ว่าจะทำยังไง  ผมก็เลยต้องแสดงไปแบบนั้น  มีเหตุการณ์แบบนี้หลายครั้งเลยที่ทำให้ผมต้องรู้สึกประหม่า

 

ฉันขอโทษที่พูดเรื่องนี้  แต่ตอนแรกที่เห็นอีจงซอกในทีวี  ฉันคิดว่าคุณไม่น่าจะแสดงได้

ทุกคนก็คิดแบบนั้นแหละครับ (ยิ้มมมมมม)

 

เสียงของคุณไม่เหมือนกับนักแสดงชายทั่วไป  และใบหน้าของคุณก็ไม่ได้ดูแข็งแกร่ง  แต่คนก็ยังพูดว่าอีจงซอกแสดงได้ดี  ไม่มีนักแสดงคนไหนเหมือนอีจงซอกเลย

แม้แต่ในมุมมองของผมเอง  ผมก็ไม่ใช่คนที่จะถ่ายทอดความคิดที่แข็งแกร่งได้  หน้าของผมไม่เหมาะกับอายุของผม  ไม่ใช่ใบหน้าที่จะดูดีอยู่ได้หากมีริ้วรอย  ตอนนี้หน้าก็ยังเนียนอยู่ครับมันก็เลยโอเค  แต่ถ้าผมแสดงไม่ดี  ก็คงไม่มีอนาคตอะไรในอาชีพนี้เลยล่ะ  มันก็เลยทำให้ผมอยากแสดงในหนังแบบที่แมน ๆ ลูกผู้ชายน่ะครับ  แต่ผมก็รู้นะว่าผมจะทำได้ดีและเหมาะกับเมโลดราม่าหรือแบบโรแมนติกมากกว่า  ตอนนี้ผมก็เลยแสดงในสิ่งที่ผมทำได้  แล้วก็มองดูว่าอีกไกลแค่ไหนที่ผมจะเปลี่ยนแปลงไปบนเส้นทางสายนี้  นี่แหละครับคือสิ่งที่ผมเป็นในตอนนี้

 

แล้วคนแบบไหนล่ะที่คุณชอบ

ผมไม่ได้เรื่องเลยในเรื่องการรักษาความสัมพันธ์  ผมมีโทรศัพท์มือถือสองเครื่องแต่มันก็ไม่ค่อยดังเลย  ช่วงที่มีคนติดต่อเยอะ ๆ จะเป็นช่วงที่มีงาน  ผมไม่เคยเริ่มต้นติดต่อใครก่อนเลย  ผมทำแค่เสิร์ชแล้วก็อ่านข่าวพวกเขา  ผมชอบรุ่นพี่คิมซางจุงมาก ๆ (นักแสดงที่รับบทเป็นพ่อของพัคฮุน)  แล้วก็รุ่นพี่ยูจุนซาง  ผมเคารพทั้งสองคน  แล้วก็มีพวกเขาเป็นต้นแบบ  รักทั้งสองคนเลยครับแต่ไม่เคยติดต่อไปหาพวกเขาก่อนเลย  ผมจะดูตารางงานพวกเขาอยู่ห่าง ๆ ผมก็ชอบโปรดิวเซอร์โจซูวอนกับนักเขียนพัคฮเยรยอนด้วยนะ  แต่ก็ไม่เคยติดต่อพวกเขาเลย  บางทีก็คิดว่าพวกเขาอาจจะทำงานอยู่นะ  หรือทานอาหารค่ำอยู่  ก็เลยไม่โทรไป  ผมชอบที่จะซ่อนตัวอยู่ที่บ้าน  แล้วก็ดูอะไรที่ทำให้ผมมีความสุขครับ

 

ชีวิตประจำวันของคุณเหมือนกับนักแสดงหญิงมากเลยนะ

(หัวเราะ)  ผมอยากไปเที่ยวที่นั่นที่นี่  ผมจะออกกำลังกายก็ต่อเมื่อต้องการฟิตร่างกาย  ไม่ได้ทำมันเป็นกิจวัตรประจำวัน  ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการดูทีวีที่บ้านอีกแล้ว  ผมรักโลกในทีวี  เวลาที่ล้มตัวลงนอน  ผมมักจะจบลงด้วยการคิดถึงอะไรแบบนี้  คิดถึงแม้กระทั่งว่าผมจะลืมพวกเขาไหมนะ  ในดราก้อนบอล Z มีห้องหนึ่งที่เรียกว่า ‘Hyperbolic Time Chamber’ ที่ซึ่งไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่  คุณก็จะยังอยู่ในนั้นได้  ผมเป็นคนแบบนั้นแหละครับ  มีบางครั้งที่ผมล้มตัวลงนอนแล้วก็ปล่อยเวลาว่างเปล่าสามชั่วโมงให้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ตั้งแต่ผมเริ่มแสดง  ผมก็ไม่มีเวลาว่างเลย  มันเป็นแหล่งเก็บพลังงานของผมครับ  ผมทำแบบนั้นก็เพื่อที่จะได้แข็งแรงพอที่จะทำงาน  ตอนนี้ผมต้องยอมให้ตัวเองได้พักแล้วล่ะแม้จะในเวลางานก็ตาม  ในปีนี้ผมอยากจะมีหนทางที่ทำให้ตัวเองมีความสุข  “ตอนนี้ ผมจะพัก”  นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมีความคิดแบบนี้

 

คุณเคร่งครัดกับตัวเองมากจริง ๆ

ผมมักจะเป็นคนแรกที่ชี้ให้เห็นข้อบกพร่องของตัวเองอยู่เสมอ  ระหว่างสัมภาษณ์ผมมักจะพูดขึ้นมาเองก่อนที่จะถูกถาม  ถ้าผมพยายามจะปิดบังมันไว้แล้วคนอื่นไปเจอด้วยตัวเอง  มันจะยิ่งน่าอายมาก  มันน่าอายมากจริง ๆ ที่ได้ยินเรื่องของบกพร่องของตัวเองจากปากคนอื่น

 

เรากลับไปคุยเรื่องความตกต่ำของคุณกันเถอะ  คุณบอกว่าละครเรื่องล่าสุดเป็นเหมือนช่วงเวลาพักผ่อนของคุณ  แล้วคุณไม่กลัวอันตรายที่เกิดจากการทำงานเกินตัวหรือ?

ผมไม่ใช่นักแสดงที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง  คุณอาจจะพูดได้ว่าผมพัฒนาเร็วมากในขณะที่ทำงานมากมายหลายอย่าง  แต่ผมไม่ใช่นักแสดงที่เริ่มจากการรับบทเล็ก ๆ แล้วเรียนรู้จากคนอื่นผ่านภาพยนตร์อินดี้หรือมิวสิคัล  คนพวกนั้นมีพื้นฐานที่แน่นมาก  เพราะแบบนั้น  บางครั้งผมก็รู้สึกเหมือนจะตายเวลาที่ต้องเติมเต็มให้ตัวเองเพื่อที่จะได้เดินต่อไป  มีบางครั้งที่ผมรู้สึกว่าพลังงานของผมถูกใช้ไปอย่างเต็มที่แล้ว  นั่นแหละครับเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมเมื่อปีก่อน  ผมรู้สึกเหมือนว่าไม่มีอะไรเลยที่ผมจะทำได้อีก

ถึงตอนนี้ผมเข้าใจตัวเองดีขึ้น  ในตอนแรก  ถ้าต้องร้องไห้  ผมจะต้องฟังเพลงในตอนเช้าก่อน  แต่ตอนนี้ผมสามารถร้องไห้ได้เมื่อต้องการ  ผมรู้สึกว่าน่าจะมีอะไรที่ดีกว่านี้  แต่ตอนนี้การร้องไห้ก็ยอดเยี่ยมที่สุดแหละครับถ้าเราจะแสดงให้เห็นถึงความเสียใจ  ผมอยากจะพัฒนาเรื่องการแสดงเวลาที่ผิดหวังครับ

 

แล้ว “การแสดงที่ดี” ต่อจากนี้ไปคืออะไร?

ผมก็ไม่มั่นใจกับตัวเองนะแต่มีสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับผมคือการเป็นนักร้อง  นักร้องที่แสดงออกทางอารมณ์  นักร้องที่ร้องเพลงไปคีย์สูง ๆ เวลาที่ดูการประกวดร้องเพลง  นักร้องที่ร้องเพลงสูง ๆ ได้มักจะเป็นคนที่ชนะตลอดเลย
 
ตอนที่แสดง  การแสดงที่ดีควรเป็นแบบไหนนะ?  คือความสามารถในการแสดงออกทางอารมณ์พร้อมกับไหวพริบ  หรือการแสดงอารมณ์พร้อมกับรายละเอียดที่ซับซ้อนลึกซึ้งนะ?  ผมรู้สึกว่านี่มันยากมากที่จะแสดงออกให้เห็นเวลาที่ต้องอดทนอดกลั้นอารมณ์  ผมก็ไม่รู้ว่าอะไรกันแน่  ผมก็ยังไม่เจอว่ามาตรฐานการแสดงที่ดีคืออะไร  มันเป็นสิ่งที่ผมต้องมองหาสินะ





Thai trans: @Bua2be
Pic: LJS DC
ติดตามข่าวสารงานแปลเพิ่มเติมได้ที่ http://89linewoobin.blogspot.com/

Please Take Out With Full Cred.

วันอังคารที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ประมาณการรายได้ที่คิมอูบินได้รับจากงานโฆษณาในปี 2014 ประมาณ 8.6 พันล้านวอน (7.8 ล้านเหรียญสหรัฐ)



ประมาณการรายได้ที่คิมอูบินได้รับจากงานโฆษณาในปี 2014 ประมาณ 8.6 พันล้านวอน (7.8 ล้านเหรียญสหรัฐ)
ในรายการ tvN’s “List Reveal 2014,” ที่ออกอากาศเมื่อวันที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมา  คิมอูบินอยู่ในลำดับที่ 6 ของคนดังที่ได้รับแจ๊กพ๊อตหลังจากการทำงานหนัก

แม้จะราคาค่าบัตรเข้าร่วมงานแฟนมีตติ้งของนักแสดงชาวเกาหลีในจีนและไต้หวันจะราคาสูงลิบลิ่ว และอาจสูงถึง 140,000 วอน (130 เหรียญสหรัฐ)  แต่บัตรงานแฟนมีตติ้งของคิมอูบินก็ยังถูกขายจนหมดเกลี้ยงภายในเวลาแค่ 5 นาที  เมื่อคำนวณราคาค่าบัตรเข้าชมทั้งหมดจากผู้ชม 12,700 คนที่มาร่วมงาน  รายได้เฉพาะค่าบัตรเข้าชมที่คิมอูบินได้รับจะอยู่ที่ 1.6 พันล้านวอน (1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ) 

นี่ไม่ใช่ตัวอย่างเพียงอย่างเดียวที่จะหยิบยกมาพูดถึงรายได้มหาศาลที่เขาได้รับจากความโด่งดังที่มากขึ้นเรื่อย ๆ  เขายังมีงานโฆษณาอีกไม่น้อยกว่า 10 ชิ้นในเกาหลี  และอย่างน้อยอีก 5 ชิ้นในต่างประเทศ  ที่รายได้น่าจะอยู่ที่ 400 ล้านวอน (360,000 เหรียญสหรัฐ) ต่องานโฆษณาหนึ่งชิ้น  สำหรับงานในต่างประเทศอยู่ที่ 600 ล้านวอน (540,000 เหรียญสหรัฐ)ต่องานหนึ่งชิ้น  ทำให้รายได้รวมที่เขาได้จากโฆษณาเพียงอย่างเดียวทั้งในเกาหลีและจีน  อยู่ที่ประมาณ 7 พันล้านวอน (6.3 ล้านเหรียญสหรัฐ)

นอกจากนี้  คิมอูบินยังได้รับการคาดการณ์ว่าจะโด่งดังมากขึ้นไปอีกหลังจาก “The Technicians” ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของเขาออกฉาย 


Source : http://www.soompi.com/2014/12/22/kim-woo-bins-2014-income-estimated-at-8-6-billion-won-from-commercials-and-tours-alone/
Thai trans: @Bua2be
ติดตามข่าวสารงานแปลเพิ่มเติม http://89linewoobin.blogspot.com/
โปรดนำออกไปพร้อมเครดิตเต็ม

[แปล] Kim Woobin interview with M Magazines.




 
Q: ในภาพยนตร์เรื่อง Friend 2 ที่คุณได้แสดงนำเป็นครั้งแรก  และยังเป็นภาพยนตร์ยอดนิยมในบ๊อกซ์ออฟฟิศอีกด้วย  ทราบมาว่าคุณได้รับคำชื่นชมเกี่ยวกับการแสดงเป็นอย่างมาก

ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากครับ  แต่ถึงแม้หากว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้ทำได้ดีในบ๊อกซ์ออฟฟิศ  เรื่องนี้ก็จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าผมรู้สึกเป็นเกียรติได้หรอกครับ  ตอนที่ภาพยนตร์ลงโรง  ผมอยู่ระหว่างถ่ายทำ The Heirs ผมรู้สึกเสียใจมากจริง ๆ ที่ไม่สามารถไปร่วมสัมภาษณ์หรือทักทายกับผู้ชมได้ทุกครั้ง  มันเป็นความเจ็บปวดที่ผมไม่สามารถตอบแทนความรักที่ผมได้รับมาได้

Q: หลังจากนั้นตามมาด้วย “Criminal Designer”  กับ “Twenty” แบบนี้ก็พูดได้เลยว่าคุณเป็นนักแสดงนำที่กำลังรุ่งโรจน์สินะ

ก็เป็นความจริงครับที่ว่าตอนนี้ผมสามารถเลือกบทได้มากกว่าเมื่อก่อน  แต่เพราะแบบนั้นก็ยังมีความรู้สึกที่อยากจะเติมเต็มความคาดหวังของผู้ชม  ผมจะทำงานหนักเพื่อจะทำให้คนเชื่อในงานที่ผมเลือกครับ

Q: ความเชื่อมั่นแบบไหนที่คุณอยากจะได้

จนถึงตอนนี้  ผมก็ยังค้นหาอยู่  แต่โดยส่วนใหญ่แล้วผมก็จะทุ่มเทความสนใจทั้งหมดไปในบทบาทที่ใกล้เคียงกับตัวผม

Q: ในภาพยนตร์อาชญากรรมอย่าง “Criminal Designer” ธรรมชาติของภาพยนตร์แบบนี้เนื้อเรื่องมักจะโดดเด่นกว่าบทบาทของตัวละคร

ที่โดดเด่นคือบทละครครับ  เด่นกว่าบทบาทของนักแสดง  ตอนที่อ่านบทผมสนุกมาก ๆ เลยครับ  ครั้งแรกที่ผมได้รับบทมาอยู่ระหว่างที่ผมกำลังถ่ายทำ Friend 2 แต่ตอนนั้นใช้ชื่อว่า “Checkmate” เอาจริง ๆ นะครับ  จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่เก่งพอที่จะเลือกว่าโปรเจคไหนดี  แล้วหลังจากนั้นก็มีออกมาในรูปแบบละครที่ใช้ชื่ออีกชื่อหนึ่ง  มันน่าสนใจมาก ๆ กำกับโดยผู้กำกับคิมฮงซอน  น่าจะใกล้ ๆ กับช่วงที่ The Heirs จบน่ะครับ

Q: มีความเป็นไปได้ที่คุณจะได้รับการยอมรับในฐานะนักแสดงนำอย่างรวดเร็ว

ภาพยนตร์ที่ใช้โปรดักชั่นของบริษัทที่ผลิต Friend 2 ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผม  ต้องขอบคุณมาก ๆ เลยครับที่ทำออกมาให้ผมดูดี
 
 

Q: จิฮยอกมีความสามารถในการเปิดตู้เซฟ  ปลอมแปลงเงิน  ถ้าแสดงได้ไม่ดีก็อาจจะทำให้ความน่าตื่นเต้นของภาพยนตร์ลดน้อยลงไปด้วย

ในโลกนี้มีคนหลายคนที่สามารถเปิดเซฟได้  และทุกคนก็ถูกฝึกหัดมาด้วยสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน  ผมอยากจะแสดงบทบาทที่ผมได้รับในแบบของผม  ในภาพยนตร์เรามีอุปกรณ์มากมายที่ใช้ในการทำความผิดซึ่งน่าจะเพิ่มความตื่นเต้นให้กับภาพยนตร์มากขึ้นครับ

Q: ในผลงานที่ผ่านมา  มีความรู้สึกที่ว่าคุณไม่เคยหมดกำลังใจเลย  คุณเอาความมั่นใจแบบนี้มาจากไหน

ตอนนี้เวลาที่อยู่หน้ากล้องก็ดูเหมือนว่าจะง่ายขึ้นแล้วล่ะครับ  ที่กองถ่ายเองก็สนุกด้วย  ตอนแรกที่ผมเริ่มแสดง  ผมจะบอกตัวเองว่า “ได้โปรดทำออกมาให้ดี ได้โปรด”  ถึงตอนนี้ในทางตรงกันข้ามกับความวิตกกังวล  ผมอยากจะทำการแสดงของผมออกมาให้ดีที่สุด  ทุกครั้งที่ผมมองตัวเองในจอมอนิเตอร์  ผมก็ยังคงเห็นข้อผิดพลาด  และอยากจะทำให้ข้อผิดพลาดนั้นน้อยลง

Q: เวลาที่คุณถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้  คุณใช้อะไรเป็นแรงบัลดาลใจ

ก่อนที่จะมาถึงผม  ผู้กำกับเป็นคนที่เปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจ  เขามีความมุ่งมั่น ๆ มาก แล้วเราก็ถ่ายทำกันเยอะและใช้เวลานานมาก ๆ เลย (หัวเราะ)

Q: เราได้ยินมาว่าคุณมักจะเตรียมตัวมาอย่างดีก่อนที่จะถ่ายทำ

นี่เป็นสิ่งที่ผมเรียนรู้มาตั้งแต่ตอนที่ผมเริ่มการแสดงแรก ๆ การตอบสนองที่เหมาะสมกับนักแสดงร่วมที่แสดงด้วยกัน  ผมจะเตรียมบทพูดของผมให้แตกต่างกันมาอย่างน้อย 10 แบบ  แต่แน่นอนว่าไม่มีคำตอบที่ถูกต้องสำหรับการแสดง  แต่ผมก็คิดว่าพื้นฐานเบื้องต้นเลยคือ “ทำและไม่ทำ”
 

Q: คุณคงจะมีปฏิภาณไหวพริบเกี่ยวกับการแสดงใช่ไหม

ผมไม่ได้มีอะไรที่เรียกว่า “มีมาตั้งแต่เกิด”  ทุกสิ่งทุกอย่างค่อย ๆ ดีขึ้นอย่างช้า ๆ หลังจากเวลาที่ผ่านมาอย่างยาวนาน  และผมก็ต้องทำงานอย่างหนักด้วย  จนถึงตอนนี้  ผมรู้สึกว่ามันคือคำขอบคุณสำหรับรูปลักษณ์ที่แข็งแกร่งของผม และผมก็ต้องขอบคุณไปถึงบทบาทที่นำพาความสนใจมาให้นักแสดงหน้าใหม่อย่างผม

Q: แต่รูปลักษณ์ของคุณอาจจะกลายเป็นข้อจำกัดของคุณเอง  บทบาทที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อย่างจิฮยอกอาจจะเหมาะกับคุณ  แต่จะดูเหมาะกับบทบาทชายหนุ่มข้างบ้านหรือเปล่า?

เมื่อเวลานั้นมาถึง  ผมจะแสดงให้ทุกคนเห็นว่าผมเป็นอย่างไรเมื่ออยู่บ้าน  ผมไม่ได้ใกล้เคียงกับจินตนาการของคุณเลยล่ะครับ
 

Q: ดูเหมือนคุณจะไม่ค่อยกังวล

ผมเป็นคนประเภทที่ว่าจะวางเป้าหมายแล้วมุ่งมั่นทำงานหนักเพื่อให้ถึงเป้าหมาย  ผมเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีอยู่แล้ว  สำหรับผมแล้ว  การวางเป้าหมายว่าจะต้องเป็นวันนั้นวันนี้แล้วใช้พลังกายพลังใจทั้งหมดที่มีทุ่มลงไปเพื่อให้มันเป็นจริงแบบนั้นไม่เคยเกิดขึ้นเลย  ผมเชื่อว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น  ตราบเท่าที่ผมยังทำงานหนักภายใต้เงื่อนไขที่ได้รับ  ทุกอย่างจะไม่มีปัญหาอะไร  ผมได้ยินผู้คนรอบตัวพูดว่าผมมักจะแสดงบทอันธพาล  และบทพวกนี้ก็จะเข้ามาและหายไปในสักวัน  ผมก็ตอบไปว่า  “ผมไม่ได้ตั้งใจจะรับบทอันธพาลนะ  แต่ผมก็ไม่ได้อยากจะรับบทที่ใสสะอาดจนเกินไป  ในตอนนี้ผมอยากจะหาหนทางการแสดงที่เหมาะกับผม”
 

Q: เพราะภาพยนตร์ลงโรงในช่วงปลายปี  การแข่งขันก็เลยค่อนข้างสูง

ผมอยากจะปล่อยให้เป็นไปแบบสบาย ๆ มากกว่านี้ครับ  แต่ผมก็ยังอารมณ์ดีนะ  เพราะว่ามีภาพยนตร์หลายเรื่องที่ถ่ายทำเสร็จแต่ก็ยังฉายไม่ได้  พอนึกแบบนั้นผมก็รู้สึกว่าผมโชคดีมาก ๆ การที่ได้มีนักแสดงร่วมดี ๆ อย่างรุ่นพี่โกชางซอกและฮยอนอู  และผมก็ได้มีผลงานชิ้นใหม่มาโชว์ทุก ๆ คนหลังจากผ่านไปหนึ่งปี  ผมรู้สึกโชคดีจริง ๆ

Q: คุณเป็นคนที่ดีจริง ๆ

แน่นอนครับ (หัวเราะ)
 
 

 

Original source:  J亲故乖巧又聪明o_O  weibo


Thai trans: @Bua2be

ติดตามข่าวสารงานแปลเพิ่มเติม http://89linewoobin.blogspot.com/

Please Take Out With Full Credit.

 

วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2557

[News] คิมอูบิน ยืนยันเข้าร่วมแสดง Love Cell ละครออนไลน์ ร่วมกับนักแสดงชื่อดังอีกหลายท่าน


Love Cell ละครออนไลน์ได้เปิดเผยรายชื่อนักแสดงแล้ว

จากข้อมูลของทีมงาน Love Cell ได้เปิดเผยว่า จางฮยอก คิมอูบิน คิมยูจอง พัคซันฮู 4Minute นัมจิฮยอน และเบคซังฮยอนได้ตกลงเข้าร่วมแสดงใน Love Cell ผลงานของ Dream Team

แฟนตาซี โรแมนติด คอเมดี้ Love Cell สร้างมาจากเวบตูนที่มีชื่อเดียวกัน ที่ถูกเผยแพร่ทาง naver ตั้งแต่เมื่อกรกฎาคม 2010 จนถึงมีนาคม 2013 เวบตูนเรื่องนี้ได้รับความรักอย่างมากมายจากผู้อ่าน โดยเนื้อเรื่องเป็นเรื่องราวความรักของมาเดชุงคนตกงานกับท๊อปสตาร์ซอรินที่ทำให้ความรักที่เป็นไปไม่ได้กลายเป็นจริงขึ้นมา

จางฮยอกจะรับบทพี่ชายข้างบ้านของมาเดชุง ที่อาศัยอยู่บนชั้นดาดฟ้า เป็นคนเงียบ ๆ เก่งศิลปะการต่อสู้และมีใบหน้าที่เหมาะกับการแสดงแอคชั่นที่มีเสน่ห์

คิมอูบินจะรับบทเป็น “เทพแห่งการเดท” เพราะได้รับความสนใจจากจากแฟนคลับสาว ๆ จากผลงานมากมายของเขาอย่าง The Heirs, School 2013, A Gentleman’s Dignity และ Friend 2 บทบาทใหม่ของคิมอูบินจากละครออนไลน์เรื่องนี้จึงน่าจะได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก

คิมยูจองจะรับบทเป็นเนวิ แมวที่มีเซลล์ความรักและสามารถพิเศษทำให้คนมีความรักได้ เธอจะเป็นคนให้คำแนะนำเรื่องการเดทกับมาเดชุงและทำให้มาเดชุงเป็นผู้เชี่ยวชาญการเดท

พัคซันฮูรับบทเป็นหนุ่มตกงานมาเดชุง ชายหนุ่มที่ไม่เคยมีแฟนเลยสักครั้ง และ 4Minute นัมจิฮยอนจะรับบทเป็นท๊อปสตาร์ซอริน หญิงสาวที่มีภาพลักษณ์และรอยยิ้มเป็นเสน่ห์เย้ายวนชายหนุ่ม
และคนสุดท้ายคือ เบคซึงฮยอนจะมารับบทเป็นชุนจิอุนไอดอลที่มากความสามารถ ที่เก่งทั้งร้องเพลง การแสดงและการเขียนเพลง คู่แข่งความรักของมาเดชุง

ทีมงาน Love Cell กล่าวว่า “Love Cell จะเป็นคัมภีร์การเดทรูปแบบใหม่สำหรับคนที่ไม่มีประสบการณ์ในการเดทมาก่อน เนื้อเรื่องจะมีการนำเสนอที่หลากหลายและเป็นเรื่องราวที่ไม่เคยออกอากาศทางทีวีมาก่อน ในแต่ละตอนจะทำให้ผู้ชมรู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปด้วย”

“อย่างที่รู้ว่าจางฮยอกและคิมอูบินตอบรับบทนี้ด้วยความยินดีทันทีที่เราเสนอบทให้ ความสามารถทางการแสดงของทั้งสองคนจะช่วยยกระดับละครออนไลน์ และทำให้ Love Cell ได้รับความนิยม และด้วยรายชื่อนักแสดงที่เยี่ยมยอดรวมเข้ากับบทที่ดีเยี่ยมจะช่วยเปิดโลกทัศน์ใหม่ให้กับละครออนไลน์ ได้โปรดติดตามชม”

Love Cell มีกำหนดออกอากาศในวันที่ 13 ตุลาคมทาง Naver TV Cast.

Photo credit: iHQ
Source : http://mwave.interest.me/enewsworld/en/article/76023/love-cell-confirms-casting-with-janghyuk-kimwoobin-and-more
Thai trans : @Bua2be
ติดตามข่าวสารงานแปลเพิ่มเติมได้ที่ http://89linewoobin.blogspot.com/
Please Take Out With Full Credit.

วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2557

140914 [FANACCOUNT] Lee Jongsuk fanmeet in Seoul.


 
1. เริ่มจากร้องเพลง  ฉันไม่รู้ชื่อเพลง  ต้องลองไปอ่านแฟนแอคของคนอื่นดูด้วยนะ เขาตื่นเต้นมากแล้วก็ร้องผิดด้วยแต่ความผิดพลาดนั้นก็โดนความน่ารักของเขากลบเกลื่อนไปจนหมด  จนดูเหมือนว่าฉันเกือบจะรอให้เขาพลาดเลยล่ะจะได้เห็นเขาทำอะไรน่ารัก ๆ เขาบอกว่า “ร้อนจัง” ด้วยล่ะ  ยังบอกอีกว่าเขาซ้อมร้องเพลงนี้เมื่อวานในห้องคาราโอเกะ  พวกคุณนึกออกมั๊ยล่ะตอนที่เขาร้องเพลงนี้ซ้ำไปซ้ำมาเป็นชั่วโมง เขาบอกว่าเจ้าของร้านจำเขาได้และบางทีก็อาจจะคิดว่าเขาประหลาดก็ได้

2. ตอนที่พิธีกรถามว่าเขาพร้อมหรือยัง  (ดูเขาตื่นเต้นจนเกินจะทำอะไรได้) เขาก็ตอบว่า “ยังครับ” น่ารักมาก ๆ เลย  ฉันอยากจะกอดแล้วตบไหล่เขาพร้อมกับบอกว่า สบาย ๆ น่า ทุกคนที่อยู่ตรงนี้รักนายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

3.มีช่วงที่พูดคุยถึงเสน่ห์ของเขา  แล้วก็เริ่มพูดถึงขนตาที่สมบูรณ์แบบ  ฉันชอบจังเลย  มันดีมากเลยที่ไม่ใช่ฉันเพียงแค่คนเดียวที่ตื่นเต้นกับขนตาของเขา

 

3. พูดถึงส่วนไหนของผู้หญิงที่เขาชอบมอง  จงซอกบอกว่าต้นคอด้านหลัง  รู้แล้วใช่มั๊ย ว่าต้องโชว์คอเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเขา

4. มีการพูดถึง Pinocchio ด้วย  พิธีกรถามถึงเรื่องที่เขาโกหกเมื่อเร็ว ๆ นี้  เขายอมรับว่าเขาโกหกเทรนเนอร์ส่วนตัวที่คลับเกี่ยวกับอาหารที่เขาทาน

5. จงซอกบอกว่าเขาค่อนข้างกังวลเกี่ยวกำการออกเสียงในละครเรื่องใหม่  เนื่องจากเป็นละครเกี่ยวกับผู้ประกาศข่าวเขาจึงคำนึงถึงเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

6. จุดที่มีเสน่ห์อีกอย่างก็คือปากของเขา  แล้วเขาก็เห็นด้วย  สนุกมากเลยที่ได้ยินเรื่องนี้จากปากเขาเอง  ยอมรับแบบสบาย ๆ แล้วก็ดูมั่นใจมาก  เขายังบอกอีกว่าบางครั้งเขาก็ใช้ลิปสติกบ้าง  โดยเฉพาะอย่างวันสำคัญวันนี้เขาก็เลือกใช้ลิปบาล์ม
 

7. เขายอมรับว่ายังคงมีปัญหาเรื่องความกังวลที่เกิดขึ้นเมื่ออยู่ต่อหน้าคนเยอะ ๆ เขายังกังวลเวลาอยู่ในงานแถลงข่าวหรือต้องพูดต่อหน้าคนเยอะ ๆ และก็พยายามที่จะพูดให้เก่งมากขึ้น  ตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าจะดีขึ้นแล้ว

8. เขายังบอกอีกว่าช่วงนี้เขากินเยอะมาก เยอะขนาดที่ถึงจะไปยิมก็ช่วยอะไรไม่ได้มากนัก  เขาบอกว่าปกติน้ำหนักของเขาจะไม่เกิน 70 kg. แต่ตอนนี้น่าจะสัก 71 หรือ 72 แล้ว  เขาไม่ค่อยแฮปปี้กับเรื่องนี้เท่าไหร่  แล้วก็บ่นเรื่องนี้ตลอด  แล้วภาพเซ็ตที่เขาถ่ายให้ Ceci ที่โชว์ให้เห็นหน้าท้องที่สมบูรณ์แบบของเขาก็ถูกฉายขึ้นบนจอ  เขาชมตัวเองแล้วก็บอกว่านี่คือเป้าหมายที่ดีและยอดเยี่ยมที่สุดของเขา  เขาบอกว่าจะกลับไปออกกำลังกายอย่างหนักอีกครั้ง



 

9. เมื่อถูกถามว่าเขาชอบส่วนไหนของร่างกายมากที่สุด  จงซอกตอบว่าเขาชอบไฝใต้ตา มันทำให้ดูเซ็กซี่

10. ชื่อแฟนคลับอย่างเป็นทางการถูกเลือกในงานแฟนมีท  โดยเลือกจาก 3 ชื่อ  จงซอกเลือก "Kantapia" ที่เป็นคำพูดจากตัวละครใน Dooli  ที่ฟังดูคล้าย  Ddochi ชื่อเล่นของเขา แต่ทีมงานก็เอาชื่อนี้ออกเพราะมันฟังดูตลก  เขาก็เลยตัดสินใจจะให้แฟน ๆ เลือก  แล้วก็ได้ผลออกมาเป็น “WithJS”
 



 

10. บางทีพวกคุณอาจจะเบื่อแฟนแอคที่เกี่ยวกับอูบินแล้วก็ได้  แต่...ฉันจะไม่พูดถึงได้อย่างไร


ทันทีที่เพลง Appear จากเรื่อง Secret Garden ดังขึ้น  ทุกคน  แม้แต่ตัวฉัน จงซอก พิธีกรต่างก็งุนงง  ฉันคิดว่าอาจจะเป็นยุนชางฮยอนที่มาที่นี้  แต่สองสามวินาทีต่อมาก็ยังไม่มีใครออกมา  ฉันก็เลยคิดว่าคงเป็นความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในงานแฟนมีท  แม้แต่พิธีกรก็ดูเหมือนจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น  ไม่มีอะไรบนจอเลย  เธอจึงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วพยายามจะพาเข้าสู่ช่วงต่อไป  แต่แล้วก็มีเสียงของคิมอูบินดังขึ้น  เขาปรากฏตัวขึ้นแล้วทุกคนก็พากันกรีดร้องดังขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขากอดกันน่ารักมาก ๆ อบอวลไปด้วยมิตรภาพและเหมือนจะไม่มีวันแยกจากกัน  เหมือนการที่เรากอดใครสักคนที่ไม่ได้เจอกันมาเป็นปี  ฉันซึ้งมากแล้วก็เริ่มร้องไห้ออกมา  แล้วถึงเห็นว่าจงซอกก็ร้องไห้  ดูเหมือนเขาทั้งสุขทั้งเศร้า  อธิบายไม่ถูกเลย  ดูเหมือนหัวใจของอูบินก็แตกสลายไปด้วย  เขาส่งทิชชู่ให้จงซอกเช็ดน้ำตา  ฉันเจ็บในหัวใจเหลือเกิน.....

THEY ARE PERFECT. ความเป็นเพื่อนที่สมบูรณ์แบบ  ฉันรักพวกเขา  และฉันก็รักอูบินที่เป็นเพื่อนที่คอยอยู่เคียงข้างจงซอกอยู่เสมอ  พิธีกรบอกให้อูบินพูดอะไรบ้าง  อูบินบอกว่าจงซอกจะร้องไห้ไม่หยุดถ้าเขายังพูดต่อ  ก็จริงอย่างที่เขาพูด  มันดูเหมือนว่าจงซอกไม่อยากจะเชื่อว่าอูบินมาอยู่ที่นี่จริง ๆ และเขาก็ยังคงจับเนื้อต้องตัวกันอยู่ตลอด (สกินชิพทุกสิ่งอย่าง อ่า...เลือดพุ่ง)  อูบินบอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่เห็นจงซอกร้องไห้นอกจากที่เคยเห็นในละคร  ฉันก็ไม่รู้สินะ  แต่ก็รักที่เขาพูดแบบนั้นนะ  ฟังดูเหมือนแฟนฟิคเลย  อูบินพูดถึงที่จงซอกเล่าก่อนหน้านี้ว่า  ทั้งสองคนติดต่อกันเป็นประจำอยู่ตลอด  แต่เพราะตารางงานทำให้ไม่ได้เจอกันเลย  ฉันยินดีที่ได้ยินแบบนั้น  ได้โปรดเป็นเพื่อนกับจงซอกต่อไปด้วยนะ
 

ฉันรู้เรื่องนี้มาตลอด  แต่วันนี้ทำให้ฉันรู้ว่าการที่มีเขาอยู่นั้นสำคัญกับจงซอกแค่ไหน  แต่หัวใจที่แตกสลายของฉันอาจจะเป็นเพราะน้ำตาของจงซอกที่ไม่ได้มากจากแค่มีความสุขอย่างเดียว  เขาบอกว่าเขาขอโทษอูบินที่ไม่ได้ทำแบบเดียวกันนี้ให้กับอูบินในวันเกิด  เขาลืมว่าวันนั้นเป็นวันเกิดและก็แค่โทรไปหาหลังจากนั้น  เขาเสียใจมากที่ไม่ได้ทำอะไรให้อูบินเหมือนอย่างที่อูบินทำให้เขา  แล้วน้ำตาของฉันก็หลั่งมาเป็นระลอกที่สองตอนที่ได้ยินจงซอกเล่าแบบนั้น
 

11. แฟน ๆ ถามคำถามเกี่ยวกับ Doctor Stranger เยอะมาก  มีคนขอให้เขาเต้น Tell Me  เขาบอกว่าหัดมาจากเพื่อน  แม้จะอายแต่เขาก็เต้นให้พวกเราดู
 

12. อีกคำถามเกี่ยวกับ Megaton คำที่เขาชอบมาก  จงซอกไม่อยากจะอธิบายถึงเหตุผลที่แท้จริงเพราะฟังดูเป็นเรื่องของเด็ก ๆ แต่แล้วเขาก็บอกว่าคำนี้มาจาก Pocket monster เกมที่เขาเคยเล่น

13. ยังเป็นคำถามเกี่ยวกับ Doctor Stranger มีคนถามถึงเครื่องหมายการค้าของเขา  วิงค์ที่โด่งดัง  คำถามคือเขาทำมันเองหรือทำตามบท  เขาบอกว่าตอนแรกเขาทำเอง  แต่ก็มีบ้างที่ทำตามบท  แล้วเขาก็โชว์ให้พวกเราถึงสองครั้ง

14. พูดเรื่องอาหาร  จงซอกชอบอาหารเผ็ดกับหวาน  เขาชอบชอคโกแลตมากแต่ก็ชอบคุกกี้มากกว่า  ฉันรู้แล้วล่ะว่าจะเอาของขวัญอะไรไปฝากเขาคราวหน้า

15. แฟน ๆ ร้องเพลง Can I Love You ที่เขาเคยร้องในงานแฟนมีทมาก่อน แล้วเขาก็ร้องไห้อีกครั้ง
 
 
 
-          เจ้าของแฟนแอคคนหนึ่งบอกว่าไม่ได้เป็นจงบินแฟนเลย แต่ตอนที่บินซอกกอดกัน เธอก็น้ำตาแตกออกมาแบบไม่รู้ตัว...
-          จงซอกบอกว่าทุกครั้งที่เริ่มความสัมพันธ์กับใครก็มักจะลงเอยด้วยความเจ็บปวดของคน ๆนั้น
-          ตอนที่บินโทรมาชวนไปทานมื้อค่ำด้วยกัน ซอกจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเป็นวันเกิดบิน พอถึงตาตัวเองบ้างบินกลับมาหา ซอกพูดซ้ำไปซ้ำมาแบบนี้
-          ซอกร้องไห้เพราะบินมาหาเขาในวันเกิด เขาบอกว่าตอนวันเกิดบิน บินโทรมาชวนไปทานอาหารค่ำด้วยกัน แต่ซอกไปไม่ได้ พอวันเกิดซอก บินก็มา
-          ดูเหมือนว่าขาของอูบินจะดีขึ้นมากแล้ว จงซอกร้องไห้เพราะซาบซึ้งมาก อูบินบอกว่ารู้สึกแปลกที่เห็นเขาร้องไห้นอกจากที่เคยเห็นในละคร
-          จงซอกบอกว่าวันงานแฟนมีทของบินเมื่อปีที่แล้ว บินโทรหาแล้วบอกว่ากังวลมาก อยากให้ซอกช่วยทำให้เขาสงบลง
 
-          มีแฟนคลับโชคดีได้รับเสื้อ megaton89 ที่จงซอกใส่ในละคร  แฟนคนนั้นตัวเล็กมาก  พิธีกรบอกให้จงซอกช่วยสวมเสื้อให้เธอ  พอจงซอกช่วยสวมก็พบว่าเสื้อยาวกว่าตัวเธอมาก ๆ ดูเหมือนว่าเสื้อจะใหญ่เกินไป  เขาช่วยเธอพับแขนเสื้อด้วย เขารอบคอบจริง ๆ
 
 
ข้อความจากจงซอกถึงแฟน ๆ
 
เมื่อไม่นานมานี้  ผมยืนอยู่บนเวทีที่ค่อนข้างลำบาก  พอผมกลับไปบ้านแล้วอ่านจดหมายจากแฟน ๆ ที่ส่งมาให้  ผมก็คิดได้ว่า “แม้ว่ามันจะลำบาก แต่ผมก็ต้องทำต่อไป”  การที่ได้รับคำชื่นชมจากทุกคน  ทำให้ผมต้องทำงานหนักเพื่อจะทำงานให้ดียิ่งขึ้น  วันนี้มีแฟนคลับอย่างเป็นทางการแล้ว  ผมหวังว่าเราจะช่วยกันสร้างความทรงจำที่งดงามนับจากนี้ไป  เหมือนอย่างที่ผมเคยให้สัญญา  ผมจะเติบโตอย่างดี  ผมกังวลมากจริง ๆ ตอนที่คิดว่าจะได้มาเจอทุกคน  แม้ผมจะเตรียมตัวมาแต่ก็ดูเหมือนจะไม่เพียงพอ  คราวหน้าผมจะเตรียมตัวให้ดี ๆ ก่อนที่เราจะเจอกัน  เพื่อให้ทุกคนได้รู้สึกว่าการที่มาเจอกับผมเป็นเรื่องที่เปี่ยมไปด้วยความหมาย
 
ข้อความจากอูบินถึงจงซอกแฟน
 
ขอบคุณนะครับที่รักและซัพพอร์ตจงซอกเพื่อนของผม เขาเป็นเพียงคน ๆ หนึ่งที่เหนื่อยได้ และอาจทำผิดพลาดในบางครั้ง กรุณารักและเข้าใจเขาด้วยนะครับ
 
 
 
Source : hitoritabi, handsomecorner, 07160914, yuru_0914
Thai trans : @Bua2be
Pic, Link, Clip : right to the owner.
ติดตามข่าวสารงานแปลเพิ่มเติม http://89linewoobin.blogspot.com
Please Take Out With Full Credit.