จงซอก: ตอนที่ผมกำลังถ่ายทำ ‘Hot Young Bloods’ มีอยู่คืนหนึ่งที่ผมเหนื่อยมากแต่ก็นอนไม่หลับ ผมก็เลยเริ่มคิดถึงบทที่ผมเอาติดมือมาด้วย แล้วก็เริ่มที่ ‘Doctor Stranger’ ตอนแรกว่าจะอ่านแค่นิดหน่อยแล้วก็จะนอน
แต่มันน่าสนใจมากก็เลยลงเอยด้วยการที่ผมอ่านจบไปถึง 2 ตอน
บุคลิกหลักของพัคฮุนก็คือคนที่มีบุคลิกเหมือนตัวการ์ตูน เขาเกิดในเกาหลีใต้แต่ไปโตที่เกาหลีเหนือ แล้วก็หนีกลับมาเกาหลีใต้ผ่านประเทศฮังการี เขาใช้ความสามารถที่มีเพื่อเลี้ยงตัวเองที่มหาวิทยาลัยเปียงยางด้วยการทำการผ่าตัดที่มีความเสี่ยง
เพื่อที่จะช่วยให้เขามีเงินมากพอที่จะปกป้องคนรักของเขา ทุกสถานที่ ๆ เขาไปเขาคือคนแปลกหน้า จากที่ได้รับมาบทนี้มีการเปลี่ยนแปลง 3 ระดับ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่อายุขนาดผมจะได้เจอกับบทแบบนี้ และผมรู้สึกเหมือนว่าคนอื่น ๆ น่าจะรู้จักผมมากขึ้นจากบทนี้ แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ไม่ได้มั่นใจอย่างเต็มที่ว่าผมจะทำได้ดี แต่ผมรู้ว่านี้เป็นอะไรที่ผมอยากจะลองทำดู
CeCi: ฉันจำได้ว่าครั้งที่แล้วคุณบอกว่าตารางงานของคุณแน่นมาก แล้วคุณไม่อยากจะพักเหรอ?
จงซอก: อย่างแรกเลย
ผู้กำกับจินฮยอกคือคนที่ให้ผมได้เดบิวต์ใน ‘Princess Prosecutor’
CeCi: งั้นก็เหมือนกับ No Breathing สิ
ที่คุณเลือกงานเพื่อเป็นการตอบแทนความรู้สึก
จงซอก: ผมคิดมานานแล้วว่าถ้าผมมีโอกาสก็อยากจะตอบแทนความใจดีของผู้กำกับจินฮยอก
ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้อยู่ในขั้นที่จะตอบแทนอะไรได้มากมาย แต่ทั้งนี้ผู้กำกับที่อยู่เบื้องหลังละครอย่าง ‘On
Air’, ‘Shining Inheritance’, ‘The Chaser’ และ ‘Master’s
Sun’ เขาเป็นคนที่มีความสามารถมาก
ผมเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ของเขา
CeCi: นี่เป็นครั้งแรกที่คุณได้มีโอกาสเป็นนักแสดงนำเพียงคนเดียว รู้สึกอย่างไรบ้าง
จงซอก: เป็นอะไรที่หนักหนามากครับ ผู้กำกับบอกผมว่า นี่เป็นก้าวหนึ่งของผมในฐานะนักแสดง เป็นหนทางเดียวที่จะเติบโต และผมก็อยากจะมั่นใจว่าผมจะนำพาโปรเจคนี้ให้ผ่านได้ด้วยตัวผมเอง
CeCi: ฉันได้ยินมาว่าละครจะดำเนินเรื่องแบบรวดเร็วมาก
คุณมีอะไรอยากจะแนะนำเพื่อให้เราเข้าใจเรื่องราวได้ดีขึ้นไหม
จงซอก: ผมก็กังวลเรื่องนั้นเหมือนกันครับ
และมันก็เป็นสาเหตุว่าทำไมผมถึงต้องไปฝากข้อความไว้ในแฟนคาเฟ่ บอกให้แฟน ๆ ตั้งใจดูตั้งแต่เริ่มเรื่อง เพื่อที่จะเข้าใจบทที่ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะเป็นละครทางการแพทย์ แต่เมื่อคุณดู คุณจะรู้สึกว่ามันเป็นละครรักโรแมนติกมากกว่า ถ้าดูโดยไร้อคติ ก็จะน่าสนใจมากครับ ผมรู้สึกว่ามันสนุกมาก ๆ ครับ
CeCi: อ๋อ.. โซเชียลมีเดียที่คุณเล่น (me2day)
ยังไม่หยุดให้บริการนะ
จงซอก: ผมรู้สึกว่าผมควรจะอัพเดตเรื่องราวของผมให้แฟน ๆ
ได้รู้ อย่างข้อความที่บอกว่า ผมสบายดีนะ
ผมก็เลยเข้าไปที่แฟนคาเฟ่ เคยคิดจะใช้โซเชียลอย่างอื่นนะครับ
แต่ก็ยังกลัวว่าจะพูดอะไรแปลก ๆ อัพเซลก้าตอนสติแตกกลางดึกหรืออะไรสักอย่างครับ
(หัวเราะ)
CeCi: นี่เป็นครั้งที่สองนับตั้งแต่ ‘Korea: As
One’ ที่คุณแสดงเป็นชาวเกาหลีเหนือ
แล้วก็เพิ่มศัพท์ทางการแพทย์เข้าไป ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยใช่ไหม
จงซอก: เพราะพัคฮุนไม่ได้เกิดมาเพื่อจะเป็นชาวเกาหลีเหนือ เรื่องสำเนียงเลยไม่จำเป็นครับ ตรงนี้ช่วยลดความลำบากของผมไปได้ ศัพท์ทางการแพทย์เป็นเรื่องยาก แต่ผมรับมือกับมันได้แล้ว
CeCi: คุณเป็นคนประเภทที่หลับได้ง่ายมากเพียงแค่ทิ้งตัวลงนอน
จงซอก: ถึงจะเป็นแบบนั้น
แต่ผมก็นอนไม่หลับในคืนก่อนที่จะต้องถ่ายฉากเข้าห้องผ่าตัด สักสองชั่วโมงก่อนจะถ่ายทำ ผมก็จะตาสว่างเลย(เพราะความกังวล)
แล้วตอนนี้ก็ยังอายเวลาที่อยู่หน้ากล้อง
แล้วก็จะอายมากขึ้นอีกถ้าทำพลาด
ผมก็เลยต้องเตรียมตัวเยอะมาก ๆ
CeCi: ในที่สุดคุณก็พ้นจากเครื่องแบบนักเรียนเสียที อยากจะพูดอะไรไหม อย่างน้อยที่สุดเรื่องที่คุณกังวลก็หมดไปแล้ว
จงซอก: ใช่เลยครับ
ตอนที่ผมได้รับแต่บทนักเรียน
ผมกังวลมากจริง ๆ ว่าผมจะติดอยู่กับภาพลักษณ์นี้ และเมื่อถึงจุดหนึ่ง เมื่อผมเริ่มได้รับบทที่หลากหลายความกังวลก็ลดลงไปเองตามธรรมชาติ
CeCi: โชคดีมากที่คำกล่าวที่ว่า “เดี๋ยวมันก็ผ่านไป”
กลายมาเป็นความจริงสำหรับคุณ
บทของคุณคืออัจฉริยะ
แต่คุณยังต้องทำงานอย่างหนัก
จงซอก: ในละครเรื่องนี้
เกาหลีเหนือยังไม่ก้าวหน้าเรื่องเทคโนโลยีการแพทย์นัก การวินิจฉัยจะอาศัยสัญชาตญานและการสัมผัสผู้ป่วยโดยตรง โดยส่วนตัวแล้ว
ผมก็รอดูว่าอัจฉริยะคนนี้จะเป็นอย่างไรเมื่ออยู่ในจอ
ผมอิจฉาคนที่เป็นอัจฉริยะนะ
ผมไม่เคยทำอะไรสำเร็จได้เพียงครั้งเดียว
อย่างเวลาที่อยู่ในต่อหน้ากล้อง
ผมต้องอ่านบทเป็นพันครั้ง
แล้วก็คิดแล้วคิดอีก
อีกอย่างหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าผมขี้ระแวงเกินไป อย่างเช่น
ก่อนที่จะถ่ายทำซีนอารมณ์
ผมต้องตื่นนอนเร็วขึ้นเพื่อที่จะจัดการกับอารมณ์ของตัวเอง ถ้าตารางงานเปลี่ยนกะทันหัน ผมก็จะทำอะไรไม่ถูกเหมือนคนโง่เลยล่ะ
แต่อย่างนั้น
ผมก็คงต้องพูดว่า
ผมเคยมีรูปแบบการแสดงที่จำกัด เคยตั้งไว้ที่
1-100 แต่เดี๋ยวนี้ ผมสามารถแสดงได้ตามที่ผมจินตนาการเลย น่าแปลกใจใช่ไหมล่ะ แม้ว่าจะถ่ายซีนเดียวกัน แต่ผมก็แสดงออกได้ต่างกันในแต่ละเทค ผู้กำกับชมผมด้วยนะ รู้สึกว่าความสามารถนี้ได้มาเพราะการฝึกฝนแล้วมันก็ทำให้ผมตกใจมาก
ๆ เลย
CeCi: ยินดีด้วยนะ
ความมั่นใจในการแสดงที่หนีหายไปก่อนหน้านี้ ได้คืนกลับมาแล้วสินะ
จงซอก: ไม่ใช่แบบนั้นครับ
ตอนที่ผมเห็นว่าตัวเองยังด้อยเรื่องการแสดงนั้นก็อับอายมากพอแล้ว
แล้วถ้ายังปล่อยให้คนอื่นมาบอกก่อนที่ผมจะบอก ผมก็จะยิ่งอับอายมากขึ้นไปอีก ผมก็เลยชี้ให้เห็นเองซะเลย การที่ผมมีอาการกลัวการเป็นจุดสนใจ ทำให้ผมไม่เหมาะกับวงการบันเทิงเลย แต่ตอนที่แสดงละคร อย่างน้อยผมก็สวมบทบาทอื่นเพื่อปกป้องตัวตนที่แท้จริง มันก็เลยโอเคครับ
ในกรณีอื่นเช่น อย่างตอนนี้ที่ผมกำลังถ่ายแบบ แล้วถูกบอกให้พูดอะไรสักสองสามคำ ถ้าต้องเจอกับงานแบบนี้แบบทันที ถ้าเป็นพวกเพื่อนผมที่เป็นไอดอล เขาก็อาจจะพูดอะไรที่ฟังดูประหลาดใจแต่ก็มีความสุขอย่าง
“ว้าววว”
แล้วก็สามารถทำงานได้อย่างดี
แต่ถ้าเป็นผมก็จะพูดว่า “อ่า”
แล้วก็เริ่มวุ่นวายในใจ
ช่วงเวลาแบบนี้แหละครับที่ผมจะเริ่มคิดว่านี่มันใช่อาชีพที่ผมจะทำไปตลอดหรือเปล่าเนี่ย
(หัวเราะ)
CeCi: ถึงคุณจะกังวลเรื่องพวกนี้มาตลอด
แต่ละครเรื่องที่ผ่านมาของคุณก็ประสบความสำเร็จมาก
จงซอก: เพราะแบบนั้นผมเลยรู้สึกกังวลมาก พูดตรง ๆ เลยนะครับ ผมต้องลุกขึ้นมากลางดึกเมื่อเร็ว ๆ นี้ แล้วก็ไปเปิดดูการแสดงที่ผมบันทึกไว้ แล้วก็ฝึกฝนส่วนที่ต้องแสดงต่อจากนั้น ผมจะรู้สึกดีมากถ้ายังมีบทอยู่ในมือ
ผมกลัวว่าผมอาจจะเสียสติได้ถ้าผมยังเป็นแบบนี้ต่อไป ผมได้ทุ่มเทพลังงานทุกหยาดหยดที่ผมมีลงไปในละคร ดังนั้นเวลาที่ไม่ได้ทำงานก็เลยเหมือนว่าวิญญาณหลุดออกจากร่างไปเลย ถึงจะเป็นแบบนั้น
บางครั้งผมก็ยังรู้สึกว่างานของผมยังบกพร่องอยู่
Ceci: “เดี๋ยวมันก็ผ่านไป”
จงซอก : ผมหวังว่าผมจะเติบโตมากขึ้นหลังจากละครเรื่องนี้
CeCi: ครั้งล่าสุดที่มาที่นี่
คุณบอกว่าคุณกังวลเกี่ยวกับพัฒนาการด้านการแสดงของคุณ ตอนนี้ยังกังวลอยู่ไหม
จงซอก: สิ่งที่ทำให้ผมมีความสุขที่สุดก็คือการที่ได้ยินคนอื่นพูดว่าพวกเขาได้เห็นผมในแบบที่แตกต่างออกไปใน
‘Hot Young Bloods’
มันเหมือนว่าข้อจำกัดด้านการแสดงของผมลดลง
เพราะเรื่องนั้นเลยทำให้ผมสบายใจ
CeCi: เหมือนว่าคุณเพิ่งจะหลุดพ้นออกมาจากถ้ำในไซบีเรีย
(เปรียบเทียบถึงการที่จงซอกกดดันตัวเองเหมือนการเข้าไปอยู่ในที่หนาวเหน็บ) ฉันยินดีมากเลยที่ได้ยินแบบนั้น ระหว่างการโปรโมท ‘The Face Reader’
คุณรู้สึกเหมือนว่าได้อยู่ในสถานที่ ๆ มีผลกระทบต่อจิตใจมาก ๆ เลยใช่ไหม
จงซอก: ตรงจุดนั้น
ผมรู้สึกว่าการแสดงของผมแย่มาก
แล้วก็สูญเสียความเป็นตัวเอง
และตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ผมจะออกมาจากถ้ำนั้น นี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าการแสดงในละครเรื่องนี้ของผมมีคุณค่ามากพอที่จะดู
CeCi: น้อยครั้งมากที่คุณจะพูดสิ่งดี ๆ
เกี่ยวกับตัวเอง คำพูดแบบนี้จากคุณให้ความรู้สึกว่าเป็นการชื่นชมที่อบอุ่นจริง
ๆ
จงซอก: เรายังไม่รู้คำตอบหรอกครับ ยังไม่รู้ว่าผมจะผิดหรือถูก มารอดูว่าผู้ชมจะว่ายังไงกันดีกว่า
CeCi: คุณเป็นพวกติดทีวี ฉันคิดว่าการที่คุณโชคดีในงานที่ทำมาจากการที่คุณเป็นคนรักละครทีวี
จงซอก: สิ่งเดียวที่ผมสนใจก็คือการดูละครครับ แต่นี่มีผมคนเดียวเหรอครับที่คิดว่าละครน่าสนใจ
(หัวเราะ)
CeCi: เชื่อมั่นในสิ่งที่คุณชื่นชอบเถอะ
แล้วอีกอย่าง คุณได้ยินเสียงหายใจหนัก ๆ
แล้วก็ที่ทีมงานต้องกลั้นเสียงกรี๊ดที่เกิดจากความประหลาดใจตอนที่เราถ่ายแบบกันไหม
(น่าจะหมายถึงซิกแพคของซอกนะเนี่ย)
จงซอก : เพราะผมต้องมีภาพลักษณ์ที่เปลี่ยนไปถึงสามระดับในละคร ผมก็เลยต้องทำให้แต่ละระดับโดดเด่นจากกัน ตอนที่อยู่เกาหลีเหนือ ผมต้องลดน้ำหนักเพื่อให้คนเชื่อในบทบาท ในตอนเริ่มเรื่อง
ผมจะดูเหมือนมีเพียงหนังหุ้มกระดูกเลยครับ
CeCi: ดูเหมือนว่าคุณขัดฟันเพื่อเตรียมตัวรับบทนี้ด้วย
จงซอก: ผมไม่เคยไดเอทหรือฝึกฝนมากเท่านี้มาก่อนเลย ปกติผมก็ผอมบางมากอยู่แล้ว ผมก็เลยจำเป็นต้องฟิตร่างกาย แต่ระหว่างที่ผมไปพบกับคนเขียนบทและผู้กำกับ ก็มีคนพูดว่า “ฉันเห็นรูปที่คุณถ่ายนะ
คุณมีกล้ามสินะ” แล้วพอบทมาถึงผม.... ก็มีซีนที่ต้องอาบน้ำ (หัวเราะ)
ผมก็เลยต้องเริ่มใช้ชีวิตด้วยการทานเพียงแค่มันหวานกับเนื้ออกไก่ ไม่มีใครถามอะไรผมเลย ไม่แม้แต่จะตรวจสอบความก้าวหน้าของผม
มีแค่ผมที่ต้องลากสังขารไปยิมหลังจากที่ต้องถ่ายทำมาทั้งวัน มันเครียดมากเลยครับ
มันไม่ง่ายเลยที่จะอดทนกับความต้องการพื้นฐานสามสิ่งของมนุษย์
CeCi: ตอนนี้คุณเห็นอะไรในความฝัน
จงซอก: สตูว์มันฝรั่ง! อยากทานปลากหมึกผัดเผ็ดที่เสิร์ฟบนกระทะร้อนด้วยครับ
Ceci: ช่วงนี้มีอะไรที่ทำให้คุณตื่นเต้นไหม
จงซอก: เมื่อคืน ทีมงานสั่งเกี้ยวเนื้อมาทานกันกลางดึก
ผมทานไม่ได้และไม่สามารถจะแตะต้องมันได้เลย
มันเป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้เลยครับ เป็นช่วงเวลาที่หน้ามืดตาลายจริง ๆ ครับ
CeCi: พูดถึงรางวัลที่เรียกความมั่นใจของคุณกลับมา
ให้รางวัลกับตัวเองที่ทำงานหนักอย่างกับวัวหน่อยสิ (Lee Jong Bull เป็นชื่อที่ใช้เรียกซอกที่ทำงานหนักเหมือนวัน แล้วคำว่า Bull ก็ออกเสียงคล้ายคำว่า
suk)
จงซอก: ผมคิดว่าผมไม่ได้ทำอะไรที่คุ้มค่าพอกับรางวัลหรอกครับ อืมมมม ผมหวังว่าคนอื่นจะพูดว่า “ถึงจะอย่างนั้น
แต่เขาก็โตขึ้นนะ” ได้โปรดนะครับ นี่แหละที่ผมต้องการ
Source
: andtheyfightcrime (sob)
Eng trans : hitoritabi@tumblr.com
Eng trans : hitoritabi@tumblr.com
Thai
trans : @Bua2be
ติดตามข่าวสารงานแปลเพิ่มเติม http://89linewoobin.blogspot.com
Please
Take Out With Full Credit.