~*~*~*~*~*~
ด้วยดวงตาที่ลึกโบ๋ของเขา เป็นเรื่องยากมากที่อีจงซอกจะเจียดเวลาจากตารางการถ่ายทำ
‘Doctor
Stranger’ ที่แสนจะยุ่งเหยิงของเขา
แต่เขาก็ยังมาฮ่องกงได้ถึง 2 วันกับอีก 1 คืน หลังจากที่วางกระเป๋าทิ้งไว้ในห้องพัก
เขาก็แทบจะไม่มีเวลาให้หายใจก่อนที่จะเริ่มให้สัมภาษณ์กับ ’High
Cut‘
หลังการสัมภาษณ์นี้ เขาต้องไปพบกับสื่อมวลชนและยังมีกิจกรรมอีกมากมาย น้ำเสียงของเขาฟังดูเบากว่าที่เคยเป็น
เบาจนแทบจะไม่ได้ยินราวกับเสียงจะหายไปในอากาศ “ถ้าผมมีเวลาว่าง ผมต้องการแค่ได้นอนพักอยู่ในห้อง” แต่ในความเป็นจริง
ระหว่างตารางการทำงานที่แทบจะไม่ได้หายใจในฮ่องกง เขาก็ไม่เคยทิ้งห้องพักของเขาเลยถึงจะมีเวลาพักแค่เล็กน้อย และในท้ายที่สุด... อะไรกันที่จะช่วยให้อีจงซอกหายเหนื่อยได้
~*~*~*~*~*~
High Cut: นอกจากทำงานเคยมาฮ่องกงก่อนหน้านี้ไหม
LJS: ผมเคยมาเที่ยว 2 ครั้ง แต่ผมไม่ชอบออกไปข้างนอกเลยครับ ตอนที่แม่ของผมออกไปเที่ยวกับทัวร์ผมก็แค่นอนรออยู่ในห้อง
High Cut: คุณเอาแต่นอนอยู่ในห้องตลอดเวลาที่อยู่ฮ่องกงเลยเหรอ
LJS: มันร้อนมากเลยครับ ผมก็แค่ออกไปซื้อของนิด
ๆ หน่อย ๆ
High Cut: เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีคำกล่าวที่เรียกพวกคุณว่า 4 จตุรเทพ
(คิมซูฮยอน, คิมอูบิน, อีมินโฮ, อีจงซอก) ในอดีตเรามี
4 จตุรเทพ อย่าง หลิวเต๋อหัว กัวฟู่เฉิง หลี่หมิง
จางเซียะโหย่ว ทั้ง 4
คนเปรียบเหมือนพายุของเอเชียที่กินเวลายาวนานมากกว่าทศวรรษในช่วงยุค 1980-1990
พวกเขาต่างก็มีสไตล์และวิถีทางของตัวเอง
ไม่ว่าจะทั้งการแสดง ร้องเพลง หรือแม้แต่ภาพลักษณ์ LJS: เปรียบเทียบกับพวกเขาแล้ว ก็เหมือนกับที่คนเรียกกันว่า ฮันรยู 4 จตุรเทพ แต่คำว่า 4 จตุรเทพดูเหมือนคำโฆษณาในเชิงพาณิชย์มากกว่า เหมือนเป็นแค่รูปลักษณ์ภายนอก รุ่นพี่ในยุค 80-90 เป็นเหมือนตำนาน ถ้าให้เปรียบเทียบกันแบบรุ่นใหม่ก็รู้สึกกดดันนิดหน่อยครับ
High Cut: เหมือนที่คุณพูด ฮันรยู 4
จตุรเทพ ฟังดูเหมือนคำโฆษณามาก ๆ เลย แต่การที่คุณจะรักษาชื่อนี้ไว้จากนี้ไปก็มีความสำคัญเช่นกัน
LJS: ในอดีต
รุ่นพี่ทั้งสี่ท่าน
ต่างก็มีจุดแข็งของตัวเองที่พูดได้ว่าพวกเขาต่างมีอาวุธของตัวเองให้เลือกใช้ แต่ในขณะเดียวกัน เวลาที่ผมอยู่บนเวทีผมก็ยังหงุดหงิด แล้วผมจะมีอะไรที่เหนือว่าคนอื่นล่ะครับ
แม้จะมีชื่อเรียกที่เหมือนกับจินตนาการแบบนี้ ผมก็ยังคิดว่าผมไม่มีไม้เด็ดอะไรเป็นของตัวเองเลย อะไรที่ผมสามารถทำได้ต่อจากนี้
สิ่งเดียวที่ผมทำได้คือการตั้งใจทำงานของผมอย่างหนักและอุทิศตัวเองให้กับการแสดง
High Cut: ด้วยความเชื่อมั่นแบบนี้
คุณจึงเติมเต็มเป้าหมายของคุณด้วยการก้าวไปทีละขั้น ดูเหมือนว่าจะผ่านมาเกิน 4
ปีแล้วตั้งแต่คุณเดบิวต์ และคุณก็เล่นหนัง-ละคร
ไปแล้วถึง 11 เรื่องใน 4 ปีนี้
แม้ว่าจะยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนได้ทันที แต่แฟ้มประวัติการทำงานของคุณก็ค่อย ๆ
ถูกต่อเติมได้อย่างดี
LJS: เป็นความจริงครับ หลังจากจบแต่ละงานประสบการณ์ผมก็เพิ่มขึ้น เมื่อย้อนกลับไปตอนที่ถ่ายทำ ผมคิดกับตัวเองว่า “ถ้าผมยังคงเก็บสะสมประสบการณ์ไปเรื่อย
ๆ แบบนี้ จะต้องมีวันที่ผมทำได้ดี” (หัวเราะ)
High Cut: ‘Doctor Stranger’ จะเริ่มออกอากาศในเดือนพฤษภาคม คุณรับบทเป็นพัคฮุนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องศัลยกรรมช่องอก
ที่เดินทางมาจากเกาหลีเหนือ (โดยไม่ใช่ชาวเกาหลีเหนือ)
ละครเรื่องนี้ต่างจากละครทางการแพทย์เรื่องอื่น โดยมีองค์ประกบอย่างอื่นอีกมากมาย ตั้งแต่มีบทของประธานาธิบดีในละคร ก็ดูเหมือนว่าละครก็ต้องมีเหตุการณ์ทางการเมืองเข้าไปเกี่ยวด้วย ในบทของสองสามตอนแรก มีคำพูดหนึ่งที่บอกว่า “อย่าเป็นเพียงแค่ผู้เชี่ยวชาญ แต่จงเป็นแพทย์ผู้รักษา” คำพูดนี้โดนใจฉันมาก
LJS: บทนั้นพ่อของผมเป็นคนพูดครับ
(คิมซังจุน) เหมือนว่าจะเป็นคำพูดสุดท้ายของเขาครับ
บทของผมคือคนที่ใช้ความสามารถทางการแพทย์เพื่อหาเงินมาปกป้องรักแรกที่เกาหลีเหนือของตัวเอง ตอนที่เขายังไม่เป็นหมอจากใจ เขาจะช่วยคนที่ไม่มีเงินหรืออำนาจ และลงมือทำการผ่าตัดเพียงเพื่อให้ได้เงินแค่
500 วอน ในละคร จะมีข้อขัดแย้งที่ว่าเขาควรจะทำเพื่อให้ได้เงิน หรือทำเพราะเขาเป็นหมอจริง ๆ
และต้องการช่วยคนให้รอดชีวิต
High Cut: “อย่าเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญ
แต่จงเป็นแพทย์ผู้รักษา” ลองเปลี่ยนมาเป็น “อย่าเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญ แต่จงเป็นนักแสดง” นี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่คล้ายกันเหรอ?
งานแสดงบางอย่างที่คุณทำก็ไม่ได้รับค่าตอบแทน แต่งานแสดงอื่นก็ทำเงินให้คุณถึง 500 ล้านวอน
LJS: ตอนที่ผมแสดง School2013 มีนักแสดงอีกคนที่ชื่อ คิมชางฮวานที่รับบทเป็น ฮันยองอู เขาแสดงในหนังอินดี้หลายเรื่องมาก เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมคุยกับเขา ก็ทำให้ผมอยากจะลองแสดงในหนังอินดี้ดูบ้าง ทุกครั้งที่มีคนถาม ผมก็จะบอกว่า “ผมอยากจะเป็นนักแสดง
ไม่ใช่เป็นสตาร์” แต่ผมก็มานึกได้ว่าความปรารถนาของผมขัดแย้งกับสิ่งที่ผมทำ
(ซอกหมายถึงเขามีงานแฟนไซน์ แฟนมีท เหมือนกับกิจกรรมของซุปเปอร์สตาร์)
เพราะแบบนั้น ผมก็เลยรู้สึกเหมือนว่าที่ผมอยากจะแสดงหนังอินดี้ มันไม่ง่ายเลยในชีวิตจริง ผมทำถึงขนาดรับบทมาแล้วก็ไปพูดคุยหาข้อตกลง แต่ในตอนท้ายผมก็เลือกงานอื่น เพราะแบบนี้
ผมก็เลยคิดอยู่ตลอดเลยว่า “ผมควรจะทำอะไร เมื่อคนอื่นมองดูสิ่งที่ผมทำ
มันไม่ดูเหมือนว่าผมทำในสิ่งที่ขัดแย้งกับตัวเองเหรอครับ”
High Cut: ตอนที่ไปถ่ายทำ ‘Doctor
Stranger’ ที่ฮังการี
ฉันได้ยินมาว่ามีแฟน ๆ เยอะเลยที่จำคุณได้
LJS: ผมตกใจมากเลยครับ แล้วก็ได้ยินมาว่าแฟน
ๆ จำผมได้เพราะดู ‘I Hear Your Voice’ กับ ‘School 2013’ แต่อาหารที่นั่นไม่เหมาะกับผมจริง
ๆ ครับ (ยิ้ม)
High Cut: ที่ฮังการี คุณได้ถ่ายทำฉากไล่ล่าขณะขี่มอเตอร์ไซต์ด้วย
LJS: ผมได้ใบอนุญาตขับขี่ก่อนเดินทางไปฮังการีหนึ่งวัน
มันเหมือนเด็กที่เพิ่งหัดเดินแล้วก็เดินไปทั่ว เหมือนมีความตายรออยู่ที่ส้นรองเท้าของผมเลย นอกจากตัวผมเองแล้ว
จินเซยอนก็ซ้อนท้ายผมอยู่ตอนที่เราต้องถ่ายฉากนี้ด้วยกัน ตอนที่ต้องขี่รถไปบนฟุตบาทแล้วกลับมาวิ่งบนถนน ผมกลัวว่าจะทำให้เซยอนต้องเจ็บตัว ถ้าเราพลาดผมก็จะยั้งตัวเองได้อย่างรวดเร็ว แล้วเซยอนล่ะจะเป็นยังไง ผมกังวลมากจริง ๆ ครับ
High Cut: ดูจากเรื่องย่อละคร มีผู้หญิงสามคนที่รักพัคฮุนในเวลาเดียวกัน ในชีวิตจริง
คุณชอบคนไหนมากกว่ากัน
จินเซยอน โบรา คังโซรา
LJS: ผมยังไม่ได้เข้าฉากกับโซราเลยครับ
เซยอนก็ยุ่งมาก
ตั้งแต่กลับจากฮังการีก็เจอกันแค่ครั้งเดียว นักแสดงทุกคนมีตารางงานที่ยุ่งมาก ส่วนโบรา
เพิ่งเข้าฉากครั้งแรกด้วยกันเมื่อสองวันก่อน ผมยังไม่รู้จักทุกคนอย่างดีพอเลยครับ เซยอนเคยอยู่บริษัทเดียวกับผมตอนที่เธอยังเด็กและกำลังเรียนไฮสคูล ผมก็ยังมองเธอเป็นเด็กจนถึงตอนนี้
High Cut: คุณถ่ายทำตลอดทั้งคืนวานแล้วก็ต้องเดินทางมาฮ่องกงในตอนเช้าทันที หลังจากสองวันหนึ่งคืนที่นี่ คุณจะต้องกลับไปถ่ายทำละครเมื่อถึงเกาหลี ช่างเป็นตารางงานที่แน่นอะไรแบบนี้ ถ้าเราให้เวลาว่างกับคุณ 2 วัน คุณอยากจะทำอะไร
LJS: ผมอาจจะนอนอยู่โรงแรม ถึงในหัวจะบอกว่า “นายควรจะออกไปข้างนอก
ไปทำอะไรสักอย่าง”
แล้วผมก็จะออกไปข้างนอก
แต่แล้วมันก็จะไม่สนุกหรือาจจะสนุกเท่าที่ผมคิดว่าจะเป็นได้ ดังนั้นผมก็อาจจะแค่อยู่เฉย ๆ
High Cut: งั้นอะไรล่ะที่คุณจะทำแล้วสนุก ในชีวิตของคุณ
ไม่มีอะไรที่คิดว่าทำแล้วจะสนุกเลยเหรอ
LJS: เรื่องสนุกเป็นอะไรที่ผมไม่เคยนึกถึงแบบเฉพาะเจาะจงเลยครับ ผมไม่มีงานอดิเรก อาจจะเป็นเพราะว่าผมทำงานตลอดก็ได้
เรื่องดีอย่างเดียวที่กระตุ้นผมได้ก็คือการทำงาน การเปิดสคริปต์ออกอ่าน เตรียมตัวถ่ายทำ การได้ทำอะไรแบบนี้ ทำให้ผมเปี่ยมไปด้วยพลัง พูดจริง ๆ นะครับ
บางครั้งผมก็ไม่แน่ใจว่าที่ผมเป็นแบบนี้เพราะผมโดนผลักให้ทำหรือผมรักมันจริง
ๆ แต่ความจริงก็คือ ผมเพียงแค่หลงใหลเวลาที่ทำงาน อย่างอื่นเป็นเพียงแค่เรื่องกวนใจ แม้จะได้เจอกับแฟนสาวก็ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นเรื่องน่ารำคาญได้ครับ
(ทุกคนถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะ)
High Cut: หนุ่มน้อย คุณยังขาดจิตวิญญาณแห่งการท้าทาย!
LJS: ผมก็คิดเรื่องนี้ตลอดครับ นักแสดงจำเป็นต้องตักตวงประสบการณ์มาก ๆ
แต่ก็ยังมีประสบการณ์หลายอย่างที่ผมยังไม่ได้ทำ
อย่างเช่น
ถ้าผมได้เล่นกับเพื่อนตอนเรียนไฮสคูลมากกว่านี้ ผมก็อาจจะได้หัดขี่มอเตอร์ไซต์ตอนนั้นแล้ว ก่อนจะไปฮังการีผมพยายามที่จะสอบใบอนุญาตขับขี่ให้ผ่าน แล้วก็หัดเลี้ยวไปเลี้ยวมาตามช่องทางรถ ผมรู้สึกอายจริง ๆ ที่ตัวเองไร้ความสามารถ รุ่นพี่ได้บอกกับผมก่อนหน้านี้ว่า นักแสดงควรจะพยายามเพิ่มคุณค่าให้กับตัวเอง
High Cut: โบยองนูน่ากำลังถ่ายทำ
‘God’s Gift’ ใช่ไหม
LJS: ผมเจอเธอเมื่อวานครับ เราถ่ายในสตูดิโอเดียวกัน ตอนที่ผมไปเข้าห้องน้ำก่อนจะกลับบ้าน ก็ได้ยินเสียงนูน่าเรียกผม “ย่าห์ จงซอกอ่า!” ผมหันกลับไปก็เห็นโบยองนูน่ายืนอยู่ ใบหน้าเธอดูซีดแล้วก็ขาดสีสันเหมือนที่เคยเป็น เหมือนจะนานแล้วที่ผมได้เจอกับนูน่า เห็นเธอเหนื่อยผมก็เลยเศร้า แต่ก็ดีใจมาก ๆๆๆเลยครับที่ได้เจอเธอ
Source : DC
Eng trans : http://hitoritabi.tumblr.com/post/84421744607/lee-jong-suk-for-high-cut-may-2014
Thai trans :
@Bua2be
ติดตามข่าวสารงานแปลเพิ่มเติม
http://89linewoobin.blogspot.com
Please Take
Out With Full Credit.