วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

[แปล] บทสัมภาษณ์อีจงซอก High Cut Vol.125 May 2014





~*~*~*~*~*~
ด้วยดวงตาที่ลึกโบ๋ของเขา  เป็นเรื่องยากมากที่อีจงซอกจะเจียดเวลาจากตารางการถ่ายทำ ‘Doctor Stranger’ ที่แสนจะยุ่งเหยิงของเขา  แต่เขาก็ยังมาฮ่องกงได้ถึง 2 วันกับอีก 1 คืน  หลังจากที่วางกระเป๋าทิ้งไว้ในห้องพัก  เขาก็แทบจะไม่มีเวลาให้หายใจก่อนที่จะเริ่มให้สัมภาษณ์กับ ’High Cut‘
หลังการสัมภาษณ์นี้  เขาต้องไปพบกับสื่อมวลชนและยังมีกิจกรรมอีกมากมาย  น้ำเสียงของเขาฟังดูเบากว่าที่เคยเป็น  เบาจนแทบจะไม่ได้ยินราวกับเสียงจะหายไปในอากาศ  ถ้าผมมีเวลาว่าง  ผมต้องการแค่ได้นอนพักอยู่ในห้อง  แต่ในความเป็นจริง  ระหว่างตารางการทำงานที่แทบจะไม่ได้หายใจในฮ่องกง  เขาก็ไม่เคยทิ้งห้องพักของเขาเลยถึงจะมีเวลาพักแค่เล็กน้อย  และในท้ายที่สุด...  อะไรกันที่จะช่วยให้อีจงซอกหายเหนื่อยได้
~*~*~*~*~*~
High Cut: นอกจากทำงานเคยมาฮ่องกงก่อนหน้านี้ไหม
LJS: ผมเคยมาเที่ยว 2 ครั้ง  แต่ผมไม่ชอบออกไปข้างนอกเลยครับ  ตอนที่แม่ของผมออกไปเที่ยวกับทัวร์ผมก็แค่นอนรออยู่ในห้อง
High Cut: คุณเอาแต่นอนอยู่ในห้องตลอดเวลาที่อยู่ฮ่องกงเลยเหรอ
LJS: มันร้อนมากเลยครับ ผมก็แค่ออกไปซื้อของนิด ๆ หน่อย ๆ
High Cut: เมื่อเร็ว ๆ นี้  มีคำกล่าวที่เรียกพวกคุณว่า 4 จตุรเทพ (คิมซูฮยอน, คิมอูบิน, อีมินโฮ, อีจงซอก) ในอดีตเรามี 4 จตุรเทพ อย่าง หลิวเต๋อหัว กัวฟู่เฉิง  หลี่หมิง จางเซียะโหย่ว  ทั้ง 4 คนเปรียบเหมือนพายุของเอเชียที่กินเวลายาวนานมากกว่าทศวรรษในช่วงยุค 1980-1990 พวกเขาต่างก็มีสไตล์และวิถีทางของตัวเอง  ไม่ว่าจะทั้งการแสดง  ร้องเพลง  หรือแม้แต่ภาพลักษณ์ LJS: เปรียบเทียบกับพวกเขาแล้ว  ก็เหมือนกับที่คนเรียกกันว่า ฮันรยู 4 จตุรเทพ  แต่คำว่า 4 จตุรเทพดูเหมือนคำโฆษณาในเชิงพาณิชย์มากกว่า  เหมือนเป็นแค่รูปลักษณ์ภายนอก  รุ่นพี่ในยุค 80-90 เป็นเหมือนตำนาน  ถ้าให้เปรียบเทียบกันแบบรุ่นใหม่ก็รู้สึกกดดันนิดหน่อยครับ
High Cut: เหมือนที่คุณพูด  ฮันรยู 4 จตุรเทพ  ฟังดูเหมือนคำโฆษณามาก ๆ เลย แต่การที่คุณจะรักษาชื่อนี้ไว้จากนี้ไปก็มีความสำคัญเช่นกัน   
LJS: ในอดีต  รุ่นพี่ทั้งสี่ท่าน  ต่างก็มีจุดแข็งของตัวเองที่พูดได้ว่าพวกเขาต่างมีอาวุธของตัวเองให้เลือกใช้   แต่ในขณะเดียวกัน  เวลาที่ผมอยู่บนเวทีผมก็ยังหงุดหงิด  แล้วผมจะมีอะไรที่เหนือว่าคนอื่นล่ะครับ  แม้จะมีชื่อเรียกที่เหมือนกับจินตนาการแบบนี้  ผมก็ยังคิดว่าผมไม่มีไม้เด็ดอะไรเป็นของตัวเองเลย  อะไรที่ผมสามารถทำได้ต่อจากนี้  สิ่งเดียวที่ผมทำได้คือการตั้งใจทำงานของผมอย่างหนักและอุทิศตัวเองให้กับการแสดง
High Cut:  ด้วยความเชื่อมั่นแบบนี้  คุณจึงเติมเต็มเป้าหมายของคุณด้วยการก้าวไปทีละขั้น  ดูเหมือนว่าจะผ่านมาเกิน 4 ปีแล้วตั้งแต่คุณเดบิวต์  และคุณก็เล่นหนัง-ละคร ไปแล้วถึง 11 เรื่องใน 4 ปีนี้  แม้ว่าจะยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนได้ทันที  แต่แฟ้มประวัติการทำงานของคุณก็ค่อย ๆ ถูกต่อเติมได้อย่างดี
LJS: เป็นความจริงครับ  หลังจากจบแต่ละงานประสบการณ์ผมก็เพิ่มขึ้น  เมื่อย้อนกลับไปตอนที่ถ่ายทำ  ผมคิดกับตัวเองว่า  ถ้าผมยังคงเก็บสะสมประสบการณ์ไปเรื่อย ๆ แบบนี้  จะต้องมีวันที่ผมทำได้ดี (หัวเราะ)
High Cut: ‘Doctor Stranger’ จะเริ่มออกอากาศในเดือนพฤษภาคม  คุณรับบทเป็นพัคฮุนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องศัลยกรรมช่องอก  ที่เดินทางมาจากเกาหลีเหนือ (โดยไม่ใช่ชาวเกาหลีเหนือ)  ละครเรื่องนี้ต่างจากละครทางการแพทย์เรื่องอื่น  โดยมีองค์ประกบอย่างอื่นอีกมากมาย  ตั้งแต่มีบทของประธานาธิบดีในละคร  ก็ดูเหมือนว่าละครก็ต้องมีเหตุการณ์ทางการเมืองเข้าไปเกี่ยวด้วย  ในบทของสองสามตอนแรก  มีคำพูดหนึ่งที่บอกว่า อย่าเป็นเพียงแค่ผู้เชี่ยวชาญ  แต่จงเป็นแพทย์ผู้รักษา  คำพูดนี้โดนใจฉันมาก
LJS: บทนั้นพ่อของผมเป็นคนพูดครับ (คิมซังจุน) เหมือนว่าจะเป็นคำพูดสุดท้ายของเขาครับ  บทของผมคือคนที่ใช้ความสามารถทางการแพทย์เพื่อหาเงินมาปกป้องรักแรกที่เกาหลีเหนือของตัวเอง  ตอนที่เขายังไม่เป็นหมอจากใจ  เขาจะช่วยคนที่ไม่มีเงินหรืออำนาจ  และลงมือทำการผ่าตัดเพียงเพื่อให้ได้เงินแค่ 500 วอน  ในละคร  จะมีข้อขัดแย้งที่ว่าเขาควรจะทำเพื่อให้ได้เงิน  หรือทำเพราะเขาเป็นหมอจริง ๆ และต้องการช่วยคนให้รอดชีวิต
High Cut: อย่าเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญ แต่จงเป็นแพทย์ผู้รักษา ลองเปลี่ยนมาเป็น อย่าเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญ แต่จงเป็นนักแสดง  นี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่คล้ายกันเหรอ?  งานแสดงบางอย่างที่คุณทำก็ไม่ได้รับค่าตอบแทน  แต่งานแสดงอื่นก็ทำเงินให้คุณถึง 500 ล้านวอน
LJS: ตอนที่ผมแสดง School2013 มีนักแสดงอีกคนที่ชื่อ คิมชางฮวานที่รับบทเป็น ฮันยองอู  เขาแสดงในหนังอินดี้หลายเรื่องมาก  เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมคุยกับเขา  ก็ทำให้ผมอยากจะลองแสดงในหนังอินดี้ดูบ้าง  ทุกครั้งที่มีคนถาม  ผมก็จะบอกว่า ผมอยากจะเป็นนักแสดง ไม่ใช่เป็นสตาร์ แต่ผมก็มานึกได้ว่าความปรารถนาของผมขัดแย้งกับสิ่งที่ผมทำ (ซอกหมายถึงเขามีงานแฟนไซน์ แฟนมีท เหมือนกับกิจกรรมของซุปเปอร์สตาร์)
เพราะแบบนั้น  ผมก็เลยรู้สึกเหมือนว่าที่ผมอยากจะแสดงหนังอินดี้  มันไม่ง่ายเลยในชีวิตจริง  ผมทำถึงขนาดรับบทมาแล้วก็ไปพูดคุยหาข้อตกลง  แต่ในตอนท้ายผมก็เลือกงานอื่น  เพราะแบบนี้  ผมก็เลยคิดอยู่ตลอดเลยว่า ผมควรจะทำอะไร เมื่อคนอื่นมองดูสิ่งที่ผมทำ มันไม่ดูเหมือนว่าผมทำในสิ่งที่ขัดแย้งกับตัวเองเหรอครับ
High Cut: ตอนที่ไปถ่ายทำ ‘Doctor Stranger’ ที่ฮังการี  ฉันได้ยินมาว่ามีแฟน ๆ เยอะเลยที่จำคุณได้
LJS:  ผมตกใจมากเลยครับ แล้วก็ได้ยินมาว่าแฟน ๆ จำผมได้เพราะดู ‘I Hear Your Voice’ กับ ‘School 2013’ แต่อาหารที่นั่นไม่เหมาะกับผมจริง ๆ ครับ (ยิ้ม)
High Cut: ที่ฮังการี คุณได้ถ่ายทำฉากไล่ล่าขณะขี่มอเตอร์ไซต์ด้วย
LJS: ผมได้ใบอนุญาตขับขี่ก่อนเดินทางไปฮังการีหนึ่งวัน  มันเหมือนเด็กที่เพิ่งหัดเดินแล้วก็เดินไปทั่ว  เหมือนมีความตายรออยู่ที่ส้นรองเท้าของผมเลย  นอกจากตัวผมเองแล้ว  จินเซยอนก็ซ้อนท้ายผมอยู่ตอนที่เราต้องถ่ายฉากนี้ด้วยกัน  ตอนที่ต้องขี่รถไปบนฟุตบาทแล้วกลับมาวิ่งบนถนน  ผมกลัวว่าจะทำให้เซยอนต้องเจ็บตัว  ถ้าเราพลาดผมก็จะยั้งตัวเองได้อย่างรวดเร็ว  แล้วเซยอนล่ะจะเป็นยังไง  ผมกังวลมากจริง ๆ ครับ
High Cut:  ดูจากเรื่องย่อละคร  มีผู้หญิงสามคนที่รักพัคฮุนในเวลาเดียวกัน  ในชีวิตจริง  คุณชอบคนไหนมากกว่ากัน  จินเซยอน  โบรา  คังโซรา
LJS:  ผมยังไม่ได้เข้าฉากกับโซราเลยครับ เซยอนก็ยุ่งมาก  ตั้งแต่กลับจากฮังการีก็เจอกันแค่ครั้งเดียว  นักแสดงทุกคนมีตารางงานที่ยุ่งมาก  ส่วนโบรา  เพิ่งเข้าฉากครั้งแรกด้วยกันเมื่อสองวันก่อน  ผมยังไม่รู้จักทุกคนอย่างดีพอเลยครับ  เซยอนเคยอยู่บริษัทเดียวกับผมตอนที่เธอยังเด็กและกำลังเรียนไฮสคูล  ผมก็ยังมองเธอเป็นเด็กจนถึงตอนนี้
High Cut:  คุณถ่ายทำตลอดทั้งคืนวานแล้วก็ต้องเดินทางมาฮ่องกงในตอนเช้าทันที  หลังจากสองวันหนึ่งคืนที่นี่  คุณจะต้องกลับไปถ่ายทำละครเมื่อถึงเกาหลี  ช่างเป็นตารางงานที่แน่นอะไรแบบนี้  ถ้าเราให้เวลาว่างกับคุณ 2 วัน  คุณอยากจะทำอะไร
LJS: ผมอาจจะนอนอยู่โรงแรม  ถึงในหัวจะบอกว่า นายควรจะออกไปข้างนอก  ไปทำอะไรสักอย่าง  แล้วผมก็จะออกไปข้างนอก  แต่แล้วมันก็จะไม่สนุกหรือาจจะสนุกเท่าที่ผมคิดว่าจะเป็นได้  ดังนั้นผมก็อาจจะแค่อยู่เฉย ๆ
High Cut:  งั้นอะไรล่ะที่คุณจะทำแล้วสนุก  ในชีวิตของคุณ  ไม่มีอะไรที่คิดว่าทำแล้วจะสนุกเลยเหรอ 
LJS: รื่องสนุกเป็นอะไรที่ผมไม่เคยนึกถึงแบบเฉพาะเจาะจงเลยครับ  ผมไม่มีงานอดิเรก  อาจจะเป็นเพราะว่าผมทำงานตลอดก็ได้  เรื่องดีอย่างเดียวที่กระตุ้นผมได้ก็คือการทำงาน  การเปิดสคริปต์ออกอ่าน  เตรียมตัวถ่ายทำ  การได้ทำอะไรแบบนี้  ทำให้ผมเปี่ยมไปด้วยพลัง  พูดจริง ๆ นะครับ  บางครั้งผมก็ไม่แน่ใจว่าที่ผมเป็นแบบนี้เพราะผมโดนผลักให้ทำหรือผมรักมันจริง ๆ แต่ความจริงก็คือ  ผมเพียงแค่หลงใหลเวลาที่ทำงาน  อย่างอื่นเป็นเพียงแค่เรื่องกวนใจ  แม้จะได้เจอกับแฟนสาวก็ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นเรื่องน่ารำคาญได้ครับ (ทุกคนถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะ)
High Cut:  หนุ่มน้อย  คุณยังขาดจิตวิญญาณแห่งการท้าทาย!
LJS:  ผมก็คิดเรื่องนี้ตลอดครับ  นักแสดงจำเป็นต้องตักตวงประสบการณ์มาก ๆ แต่ก็ยังมีประสบการณ์หลายอย่างที่ผมยังไม่ได้ทำ  อย่างเช่น  ถ้าผมได้เล่นกับเพื่อนตอนเรียนไฮสคูลมากกว่านี้  ผมก็อาจจะได้หัดขี่มอเตอร์ไซต์ตอนนั้นแล้ว  ก่อนจะไปฮังการีผมพยายามที่จะสอบใบอนุญาตขับขี่ให้ผ่าน  แล้วก็หัดเลี้ยวไปเลี้ยวมาตามช่องทางรถ  ผมรู้สึกอายจริง ๆ ที่ตัวเองไร้ความสามารถ  รุ่นพี่ได้บอกกับผมก่อนหน้านี้ว่า  นักแสดงควรจะพยายามเพิ่มคุณค่าให้กับตัวเอง
High Cut:  โบยองนูน่ากำลังถ่ายทำ ‘God’s Gift’ ใช่ไหม
LJS:  ผมเจอเธอเมื่อวานครับ  เราถ่ายในสตูดิโอเดียวกัน  ตอนที่ผมไปเข้าห้องน้ำก่อนจะกลับบ้าน  ก็ได้ยินเสียงนูน่าเรียกผม ย่าห์ จงซอกอ่า!”  ผมหันกลับไปก็เห็นโบยองนูน่ายืนอยู่  ใบหน้าเธอดูซีดแล้วก็ขาดสีสันเหมือนที่เคยเป็น  เหมือนจะนานแล้วที่ผมได้เจอกับนูน่า  เห็นเธอเหนื่อยผมก็เลยเศร้า  แต่ก็ดีใจมาก ๆๆๆเลยครับที่ได้เจอเธอ

Source : DC
Eng trans : http://hitoritabi.tumblr.com/post/84421744607/lee-jong-suk-for-high-cut-may-2014
Thai trans : @Bua2be
ติดตามข่าวสารงานแปลเพิ่มเติม http://89linewoobin.blogspot.com
Please Take Out With Full Credit.